ลงประกาศฟรี ลงโฆษณาฟรี โปรโมทสินค้าฟรี ซื้อ ขาย เช่า โพสลงประกาศฟรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลงประกาศฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2025, 21:43:17 น.

หัวข้อ: Doctor At Home: โรคหัด (Measles)
เริ่มหัวข้อโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 21 ตุลาคม 2025, 21:43:17 น.
Doctor At Home: โรคหัด (Measles)  (https://doctorathome.com/)

โรคหัด (Measles) เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อไวรัส และเป็นโรคติดต่อที่ติดต่อกันได้ง่ายมากผ่านทางระบบทางเดินหายใจ มักพบในเด็กเล็กและเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงแก่ชีวิตได้

สาเหตุและการติดต่อ

•   สาเหตุ: เกิดจากเชื้อ ไวรัสโรคหัด (Measles Virus หรือ Rubeola Virus) ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่ม Morbillivirus
•   การติดต่อ: ติดต่อได้ง่ายมากผ่าน ละอองฝอย จากการไอ จาม หรือการหายใจ เชื้อไวรัสสามารถอยู่ในอากาศหรือบนพื้นผิวได้นานถึง 2 ชั่วโมง
•   ระยะแพร่เชื้อ: ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 4 วันก่อนผื่นขึ้น ไปจนถึง 4 วันหลังผื่นเริ่มขึ้น
อาการที่สำคัญ


โรคหัดมีระยะฟักตัวประมาณ 10-14 วัน ก่อนจะแสดงอาการเป็น 3 ระยะหลัก:

1.   ระยะก่อนออกผื่น (Prodrome Phase): ประมาณ 3-4 วัน
o   ไข้สูง: ไข้จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (อาจสูงถึง $38^{\circ}\text{C}$ - $40^{\circ}\text{C}$)
o   อาการคล้ายหวัด: ไอแห้ง น้ำมูกไหลมาก
o   ตาแดง: เยื่อบุตาอักเสบ น้ำตาไหล แพ้แสง
o   จุดค็อปลิค (Koplik's Spots): เป็นจุดสีขาวเล็ก ๆ คล้ายเกลือบนพื้นสีแดง มักพบในกระพุ้งแก้ม (ตรงข้ามฟันกรามซี่ใน) ซึ่งเป็นอาการที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคหัด


2.   ระยะออกผื่น (Eruptive Phase): ประมาณ 3-5 วัน

o   ผื่นจะเริ่มขึ้นประมาณ 3-5 วันหลังมีไข้ โดยเป็นผื่นนูนราบสีแดงหรือน้ำตาลแดง
o   ผื่นจะขึ้นจากบริเวณ ไรผม หน้าผาก ใบหน้า และหลังหู ก่อนจะกระจายลงสู่ลำคอ ลำตัว แขน และขา
o   ไข้จะยังคงสูงอยู่จนกระทั่งผื่นเต็มที่
3.   ระยะฟื้นตัว (Recovery Phase):
o   ผื่นจะเริ่มจางลงตามลำดับที่ขึ้นมา (จากศีรษะลงขา)
o   บางครั้งผื่นอาจทิ้งรอยคล้ำหรือเป็นขุยได้
o   อาการไข้จะลดลง และผู้ป่วยจะเริ่มอาการดีขึ้น


ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง

แม้ว่าอาการโดยทั่วไปจะหายได้เอง แต่โรคหัดอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง:
•   ปอดบวม (Pneumonia): เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรคหัด
•   หูชั้นกลางอักเสบ
•   สมองอักเสบ (Encephalitis): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและอันตรายถึงชีวิต หรือทำให้พิการถาวรได้
•   ท้องเสียและอาเจียน (อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ)


การรักษาและการป้องกัน

•   การรักษา: ปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาโรคหัดโดยเฉพาะ การรักษาจึงเน้นที่การ รักษาตามอาการ เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การให้ยาลดไข้ และการพักผ่อนให้เพียงพอ
o   ในบางกรณี แพทย์อาจให้ วิตามินเอ (Vitamin A) ในเด็กเพื่อลดความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อนทางตา
•   การป้องกัน: วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการได้รับ วัคซีนรวมหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) ตามกำหนด:
o   ฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือน
o   ฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ปี