แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 16
1
หมอออนไลน์: โลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia)

ธาตุเหล็ก* เป็นองค์ประกอบสำคัญอันหนึ่งของการสร้างเม็ดเลือดแดง ถ้าร่างกายขาดธาตุเหล็กก็จะสร้างเม็ดเลือดแดงได้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ ทำให้เกิดภาวะเลือดจาง** เรียกว่า โลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก

โรคนี้พบเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของภาวะโลหิตจางในบ้านเรา พบได้ในคนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก วัยรุ่น หญิงในวัยมีประจำเดือน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และพบมากในชาวชนบทและคนยากจน

*ธาตุเหล็กนอกจากเป็นองค์ประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงแล้ว ยังมีหน้าที่กระตุ้นการเจริญของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ถ้าขาดธาตุเหล็กนอกจากทำให้โลหิตจางแล้ว เซลล์ต่อมรับรสที่ลิ้นและเล็บจะสร้างได้น้อย ทำให้ลิ้นเลี่ยน เบื่ออาหาร และเล็บอ่อนตัว

**ไขกระดูกมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งต้องมีสารอาหาร ได้แก่ โปรตีนและธาตุเหล็กเป็นวัตถุดิบในการสร้างสารฮีโมโกลบิน (ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่นำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย) โดยมีกรดโฟลิก วิตามินบี 12 และฮอร์โมนอีริโทรพอยเอทิน (erythropoietin ซึ่งสร้างที่ไต) เป็นองค์ประกอบในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง หากมีความบกพร่องเพียงองค์ประกอบอันใดอันหนึ่ง เช่น ไขกระดูกไม่ทำงาน ไตวาย (สร้างอีริโทรพอยเอทินไม่ได้) ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้น้อย ขาดธาตุเหล็ก กรดโฟลิก วิตามินบี 12 หรือโปรตีน ก็จะทำให้สร้างเม็ดเลือดแดงไม่ได้ หรือได้น้อยกว่าปกติ เกิดภาวะโลหิตจางได้ ซึ่งมีลักษณะและชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามสาเหตุ

สาเหตุ

1. เกิดจากการบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เช่น กินเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ (ตับ ไต) นม ไข่น้อยเกินไป (อาหารเหล่านี้มีธาตุเหล็กมาก ซึ่งลำไส้สามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าธาตุเหล็กที่อยู่ในพืชผัก) จึงทำให้ร่างกายขาดธาตุเหล็ก

ผู้ที่เบื่ออาหารจากการเจ็บป่วยเรื้อรังด้วยโรคอื่น ๆ หรือผู้สูงอายุที่กินอาหารได้น้อยหรือไม่ครบส่วน หรือผู้ที่กินอาหารพวกเนื้อ นม ไข่น้อย (ซึ่งธาตุเหล็กในเนื้อ นม ไข่ ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปสร้างเม็ดเลือดแดงได้ดีกว่าธาตุเหล็กในพืชผัก) ร่างกายก็อาจได้รับธาตุเหล็กน้อยเกินไป

ผู้ที่บริโภคอาหารมังสวิรัติหรือแม็กโครไบโอติกส์ (macrobiotics) อย่างเคร่งครัดและไม่ถูกหลักโภชนาการ คือกินแต่พืชผักเป็นหลัก ก็อาจขาดธาตุเหล็กได้ เนื่องจากธาตุเหล็กในพืชผักถูกลำไส้ดูดซึมเข้าร่างกายได้น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากินพร้อมข้าวซึ่งมีสารไฟเทต (phytate) ที่ขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก

นอกจากนี้ เด็กในวัย 2 ขวบแรกและเด็กวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงกำลังเจริญเติบโต รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ (ซึ่งมีความต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นกว่าคนปกติ เพื่อนำไปใช้ในการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์) ถ้าไม่ได้กินธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ก็มักจะเกิดภาวะโลหิตจางได้

2. การเสียธาตุเหล็กออกไปกับเลือด เช่น มีประจำเดือนออกมาก (พบได้บ่อยในหญิงวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์) เลือดออกทางช่องคลอด (เนื่องจากแท้งบุตร คลอดบุตร หรือมะเร็งมดลูกหรือปากมดลูก) เลือดออกจากกระเพาะอาหาร (เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลหรือมะเร็งกระเพาะอาหาร ซึ่งมีอาการถ่ายอุจจาระดำแบบเรื้อรัง) เลือดออกจากลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก (เช่น เป็นริดสีดวงทวาร หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดแดงสดแบบเรื้อรัง) หรือเป็นโรคพยาธิปากขอ (ซึ่งดูดเลือดจากลำไส้) เป็นต้น ก็อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น มึนงง หน้ามืด เวียนศีรษะ และมักมีอาการเบื่ออาหารร่วมด้วย (ยิ่งเบื่ออาหาร ก็ยิ่งทำให้ขาดธาตุเหล็กและทำให้ภาวะโลหิตจางยิ่งรุนแรงขึ้น)

ผู้ป่วยอาจมีประวัติเบื่ออาหาร ไม่กินเนื้อสัตว์ นมและไข่ หรือมีการเสียเลือดเรื้อรัง (เช่น มีประจำเดือนออกมาก ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำหรือเป็นเลือดแดงสด)


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง นอกจากทำให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ทำงานได้ไม่เต็มที่ ลดความสามารถในการเรียนรู้

อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ เฉื่อยชา ภูมิคุ้มกันต่ำ (เกิดโรคติดเชื้อง่าย) ถ้าเกิดการเจ็บป่วยหรือมีบาดแผล ก็มักจะฟื้นหายได้ช้า

ในหญิงตั้งครรภ์ อาจทำให้คลอดก่อนกำหนด และทารกน้ำหนักน้อย

ในเด็กเล็ก ทำให้มีการเติบโตและพัฒนาการช้า

ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจอยู่เดิม ถ้าหากมีภาวะโลหิตจางรุนแรง อาจทำให้โรคหัวใจขาดเลือด มีอาการกำเริบ หรือทำให้เกิดภาวะหัวใจวายได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ตรวจพบอาการซีดขาวของใบหน้า เยื่อบุเปลือกตา ริมฝีปาก ลิ้น ฝ่ามือ และเล็บ

ถ้าเป็นเรื้อรังอาจมีอาการลิ้นมันเลี่ยน มุมปากเปื่อย เล็บมีลักษณะอ่อนและแบน หรือเล็บเงยขึ้นมีแอ่งตรงกลางคล้ายช้อน เรียกว่า เล็บรูปช้อน หรือคอยโลนีเคีย (koilonychia)

ในรายที่มีภาวะโลหิตจางเล็กน้อย ซึ่งมักไม่มีอาการ การตรวจร่างกายจะไม่พบภาวะซีดชัดเจน มักจะตรวจภาวะโลหิตจางพบจากการตรวจเลือด (เช่น ขณะแพทย์ทำการตรวจเช็กสุขภาพด้วยสาเหตุอื่น)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจเลือด พบระดับฮีโมโกลบิน (hemoglobin) น้อยกว่า 12 กรัม/ดล. (ในผู้หญิง) น้อยกว่า 13 กรัม/ดล. (ในผู้ชาย) เม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็ก (microcytosis) ติดสีจาง (hypochromia) มีหลากขนาด (anisocytosis) มีหลากรูป (poikilocytosis)

และตรวจพบระดับเฟอร์ริทิน (ferritin ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีธาตุเหล็กและสะสมอยู่ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ) ในเลือดต่ำ สามารถตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกของภาวะขาดธาตุเหล็ก หรือก่อนมีอาการปรากฏชัดเจน


การรักษาโดยแพทย์

1. สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติเป็นโรคเลือด (ธาลัสซีเมีย) ไม่มีประวัติการเสียเลือดเรื้อรัง (เช่น ถ่ายอุจจาระดำ หรือเป็นเลือดสด) และการเจ็บป่วยอื่น ๆ แพทย์จะให้ผู้ป่วยกินยาบำรุงโลหิต เช่น เฟอร์รัสซัลเฟต หรือเฟอร์รัสฟูมาเรต ครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 2-3 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ พอเริ่มดีขึ้นผู้ป่วยจะกินข้าวได้ดีขึ้น (เบื่ออาหารน้อยลง) หน้าตามีเลือดฝาดดีขึ้น (ซีดน้อยลง) มีเรี่ยวแรงมากขึ้น และผลการตรวจเลือดดีขึ้น จะให้ยาต่ออีก 1-2 เดือน จนระดับฮีโมโกลบินขึ้นสู่ปกติหรือหายจากภาวะโลหิตจาง หลังจากนั้นควรกินยานี้วันละ 1-2 เม็ด ต่อไปอีก 3-6 เดือน เพื่อสะสมธาตุเหล็กในร่างกายให้เพียงพอ

ในบางรายแพทย์อาจให้กินวิตามินซี หรือแนะนำให้กินน้ำส้มคั้นหรือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงร่วมด้วย เนื่องด้วยวิตามินซีช่วยเสริมให้ลำไส้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น

2. ถ้าให้ยาบำรุงโลหิต 2 สัปดาห์แล้ว ภาวะโลหิตจางไม่ทุเลาหรือกลับแย่ลง หรือได้ประวัติเพิ่มเติมว่ามีการเสียเลือดเรื้อรัง สงสัยว่าเป็นโรคพยาธิปากขอ หรือสงสัยมีสาเหตุที่ร้ายแรงอื่น ๆ แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุ (เช่น ตรวจเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ ตรวจมดลูก เอกซเรย์ ส่องกล้องตรวจทางเดินอาหาร เป็นต้น) และให้การรักษาตามสาเหตุ เช่น โรคแผลเพ็ปติก ริดสีดวงทวาร โรคพยาธิปากขอ เนื้องอกมดลูก โรคดียูบี เป็นต้น

3. สำหรับผู้ที่เบื่ออาหารจากการเจ็บป่วยเรื้อรังด้วยโรคอื่น ๆ ผู้สูงอายุที่กินอาหารได้น้อยหรือไม่ครบส่วน หรือผู้ที่กินอาหารพวกเนื้อ นม ไข่น้อย หากตรวจพบว่ามีภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก แพทย์ก็จะให้ผู้ป่วยกินยาบำรุงโลหิตแบบเดียวกับข้อ 1 ร่วมกับการดูแลรักษาโรคเรื้อรัง (ถ้ามี)

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ช่วยให้ผู้ป่วยหายจากภาวะโลหิตจางได้ดี แต่ถ้าไม่ได้แก้ไขสาเหตุ หลังหยุดยาสักพักก็กลับมีอาการกำเริบได้ใหม่

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หน้าตาซีดกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    ดูแลรักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    กินยาบำรุงโลหิตแล้วมีผลข้างเคียง เช่น ปวดมวนท้อง คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น แพทย์จะเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดน้ำเชื่อมซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยกว่าชนิดเม็ด
    กินยาบำรุงโลหิต 2 สัปดาห์แล้วไม่ทุเลา
    มีประวัติเสียเลือด เช่น ถ่ายอุจจาระดำ (ตั้งแต่ก่อนกินยาบำรุงโลหิต) หรือถ่ายเป็นเลือดสด ซึ่งไม่ได้แจ้งให้แพทย์ทราบตั้งแต่แรก (ผู้ป่วยอาจไม่ได้สังเกตเห็นแต่แรก หรือคิดว่าไม่สำคัญ หรืออายที่จะบอกให้ญาติและหมอทราบ)
    หากแพทย์ให้ยาอื่น (นอกเหนือจากยาบำรุงโลหิต) กินแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

โรคโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็กสามารถป้องกันได้ด้วยการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กมาก (เช่น เนื้อสัตว์ ตับหมู ตับวัว เลือดหมู ไตหมู นม ไข่) และกินน้ำส้มคั้นหรือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง (เช่น ส้ม ฝรั่ง มะขามป้อม มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี มะขามเปรี้ยว) ให้มาก ๆ ซึ่งจะช่วยให้ลำไส้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่มีประจำเดือนออกมากทุกเดือน ทารก และวัยรุ่น ควรบำรุงอาหารเหล่านี้ให้มาก หรือกินยาบำรุงโลหิตตามคำแนะนำของแพทย์

สำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่มีภาวะซีดขณะมีประจำเดือนออกมาก ควรให้กินยาบำรุงโลหิตวันละ 2-3 เม็ด ในช่วงที่มีประจำเดือน นานประมาณ 1 สัปดาห์

สำหรับผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติ หากกินนมและไข่ได้ควรกินนมและไข่ให้มากพอ ส่วนผู้ที่ไม่กินนมและไข่ ควรกินพืชผักที่มีธาตุเหล็กสูง (เช่น ผักใบเขียว ถั่วเหลือง งา ลูกเกด เป็นต้น) และวิตามินซีให้มาก ๆ และควรตรวจเช็กเลือดดูว่ามีระดับฮีโมโกลบินปกติหรือไม่ ถ้าต่ำกว่าปกติ ควรปรับการบริโภคชนิดของอาหารให้เหมาะสม และควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้กินยาธาตุเหล็กเสริม


ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่มีอาการซีด (โลหิตจาง) นอกจากมีสาเหตุมาจากการขาดธาตุเหล็ก ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น โรคธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว ไขกระดูกฝ่อ ไตวายเรื้อรัง เป็นต้น (ตรวจอาการ "ซีด")

2. ผู้ที่มีภาวะขาดธาตุเหล็กระยะเริ่มแรก หรือมีภาวะโลหิตจางเล็กน้อย (มีค่าฮีโมโกลบินต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย) อาจไม่มีอาการผิดปกติ และตรวจไม่พบอาการซีดชัดเจนก็ได้ ดังนั้น ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจาง เช่น ผู้ที่กินอาหารที่มีธาตุเหล็กน้อย (เช่น กินอาหารมังสวิรัติแบบเคร่งครัด ผู้ที่ไม่กินเนื้อสัตว์ นม และไข่) วัยรุ่น วัยสาว หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ แม้จะรู้สึกสบายดี ก็ควรได้รับการตรวจเช็กระดับฮีโมโกลบินในเลือด เพื่อค้นหาภาวะโลหิตจางระยะเริ่มแรก

3. ผู้ที่มีโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็ก เมื่อกินยาบำรุงโลหิต (ที่มีธาตุเหล็ก) มักจะมีอาการดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ ถ้าไม่ทุเลาหรือกลับแย่ลง จำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม อาจมีภาวะขาดธาตุเหล็กจากการเสียเลือดจากสาเหตุต่าง ๆ หรือมีสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่เกี่ยวกับการขาดธาตุเหล็ก เช่น ธาลัสซีเมีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว ไตวายเรื้อรัง (พบในคนที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง การกินยาแก้ปวดหรือยาแก้ข้ออักเสบนาน ๆ) เป็นต้น

4. ยาบำรุงโลหิต ซึ่งมีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ อาจระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทำให้มีอาการปวดมวนท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ท้องผูก ควรกินยานี้หลังอาหารทันที ถ้ามีอาการข้างเคียงดังกล่าว แพทย์แนะนำให้กินยาธาตุเหล็กชนิดน้ำเชื่อม ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อยกว่าชนิดเม็ด

ยานี้ทำให้มีการถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ (เนื่องมาจากสีของธาตุเหล็ก) ซึ่งไม่ถือว่าเป็นภาวะผิดปกติหรือมีอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด

ที่สำคัญ ยานี้ห้ามใช้สำหรับผู้ที่มีโลหิตจางจากโรคธาลัสซีเมีย (ซึ่งมีอาการเรื้อรังมาตั้งแต่เล็ก) เพราะในร่างกายมีธาตุเหล็กเกิน (เนื่องจากการสลายตัวของเม็ดเลือดแดงที่มีรูปร่างผิดปกติ ด้วยอัตราที่เร็วกว่าคนปกติ ทำให้มีธาตุเหล็กออกมามากจนร่างกายขับออกไม่ทัน) การกินยาบำรุงโลหิตทำให้ร่างกายสะสมธาตุเหล็กเป็นพิษต่อร่างกายมากขึ้นได้

2
townhouse พลีโน่ ทาวน์ วงแหวน - รังสิต คลอง 7 (Pleno Town Wongwaen - Rangsit Klong 7)
เริ่มต้น 1.49 ลบ. 

พลีโน่ ทาวน์ วงแหวน - รังสิต คลอง 7 (Pleno Town Wongwaen - Rangsit Klong 7)
ทาวน์โฮม บ้านแฝด 2 ชั้น บนทำเลรังสิต คลอง7 จาก เอพี ไทยแลนด์ บ้านที่เดินทางได้อย่างสะดวกสบายใกล้ทางด่วนวงแหวนเพียง 10 นาที*

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ            พลีโน่ ทาวน์ วงแหวน - รังสิต คลอง 7 (Pleno Town Wongwaen - Rangsit Klong 7)
 เจ้าของโครงการ       เอพี (ไทยแลนด์)
 แบรนด์ย่อย            พลีโน่
 ราคา                   เริ่มต้น 1.49 ลบ.

 ประเภทบ้าน          บ้านแฝด, ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล         บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ        24 ไร่ 1 งาน 65 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน            279 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด      3 แบบ
  เนื้อที่บ้าน            ตั้งแต่ 17.5 ถึง 35.1 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย          ตั้งแต่ 91.77 ถึง 131.72 ตร.ม.
 จำนวนชั้น             2 ชั้น
 หน้ากว้าง             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน      ตั้งแต่ 2 ถึง 3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ      2 คัน
 สาธารณูปโภค

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน      หนองเสือ
 ที่ตั้ง      ปท.3007 ตำบลบึงบอน อำเภอหนองเสือ ปทุมธานี 12120

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้ทางด่วน (ทางด่วนวงแหวน)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนรังสิต-นครนายก, ถนนกาญจนาภิเษก)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ศูนย์การค้า
1.โลตัสรังสิต คลอง 7
2.Do Home รังสิต
3.Market Village รังสิต
4.โลตัสรังสิต คลอง 4
5.บิ๊กซีรังสิต คลอง 6
6.ตลาด ดีดี มาร์เช่

สถานศึกษา

1.โรงเรียนธัญรัตน์
2.โรงเรียนสารสาสน์วิเทศรังสิต
3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
4.มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต
5.มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
6.โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต

โรงพยาบาล
1.โรงพยาบาลธัญบุรี
2.โรงพยาบาลเปาโล รังสิต

3
จัดฟันบางนา: ควรทำอย่างไร เมื่อรากฟันเทียมหลุด ?

การฝังรากฟันเทียม เป็นการรักษาปัญหาฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทดแทนการใส่ฟันปลอมที่นิยมในสมัยก่อน ซึ่งการฝังรากฟันเทียมเป็นทดแทนฟันที่มีประสิทธิภาพมากและมีการใช้งานที่เหมือนฟันธรรมชาติมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เมื่อทำการฝังรากฟันเทียมแล้ว อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นหลังจากที่ฝังรากฟันเทียมแล้ว ขณะที่กลับไปพักฟื้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา

แต่หากผู้เข้ารับการรักษาทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็อาจจะทำให้มีอาการที่ดีขึ้น แต่หากไม่ทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาหรือภาวะแทรกซ้อนได้ เพราะฉะนั้นการทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์จะเป็นการป้องกันปัญหาที่จะตามมาภายหลังได้

อย่างเช่นการรับประทานอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง หลังจากทำการฝังรากฟันเทียม หรือผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ และสูบบุหรี่ขณะการพักฟื้น ก็อาจจะทำให้แผลหายช้ากว่าเดิม และเกิดการอักเสบติดเชื้อได้ เพราะการสูบบุหรี่ส่งผลโดยตรงต่อช่องปาก อาจจะทำให้รากฟันเทียมที่ทำการติดตั้งภายในช่องปากเกิดหลุดออกมาได้ การหลุดของรากฟันเทียมเกิดขึ้นได้จากที่ผู้เข้ารับการรักษารับประทานอาการที่แข็งและเหนียว

ในขณะที่รากฟันยังไม่เข้าที่และยังไม่ประสานตัวกันอย่างสนิท หรืออาจจะมีการอักเสบติดเชื้อ ทำให้รากฟันหลุดได้ และปัญหาดังกล่าวนี้ ทำให้ทันตแพทย์ทำการแก้ไขได้ยาก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องการการฝังรากฟันเทียมใหม่ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาการแก้ไขที่ยุ่งยาก ซับซ้อน ดังนั้นการป้องกันและระมัดระวังในเรื่องของการรับประทานอาหารที่จะทำให้เกิดปัญหาที่จะทำให้รากฟันเทียมหลุดจึงมีความจำเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการรักษาควรทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ระมัดระวังเรื่องของการรับประทานอาหาร ควรงดรับประทานอาหารที่แข็งและเหนียว ขณะที่รากฟันเทียมยังประสานตัวกันยังไม่สนิท รวมไปถึงผู้เข้ารับการรักษาที่มีประวัติการสูบบุหรี่ ก็ควรงดสูบตามคำแนะนำของทันตแพทย์

เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอักเสบของแผลและเหงือก และการดื่มแอลกอฮอล์ ก็ควรหลักเลี่ยงหลังจากที่ทำการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เพราะแอลกอฮอล์จะส่งผลแผลหายช้า และอาจจะทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกและแผลตามมาได้ และอาจจะส่งให้รากฟันเทียมหลุดได้ หากอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ที่คลีนิคได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

4
ลงประกาศฟรี / หมอออนไลน์: ถุงน้ำดีอักเสบ
« เมื่อ: วันที่ 20 พฤศจิกายน 2024, 15:25:58 น. »
หมอออนไลน์: ถุงน้ำดีอักเสบ

ถุงน้ำดีอักเสบ หมายถึง ภาวะที่ถุงน้ำดีมีการอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาวะแทรกซ้อนของนิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี) ดังนั้น จึงพบได้บ่อยในผู้ที่เป็นนิ่วน้ำดี และพบได้บ่อยที่สุดในช่วงอายุ 50-69 ปี

ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการไข้และปวดท้องเกิดขึ้นฉับพลันทันที เรียกว่า "ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (acute cholecystitis)" ซึ่งมักมีอาการปวดท้องรุนแรง นับว่าเป็นโรคที่รุนแรงที่ต้องเข้าพักรักษาในโรงพยาบาลอย่างรีบด่วน เนื่องเพราะหากปล่อยไว้หรือได้รับการรักษาที่ล่าช้า อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เป็นอันตรายต่อชีวิตได้

ส่วนน้อยอาจมีอาการไม่รุนแรงหรือไม่ชัดเจน และมักไม่ได้ถูกวินิจฉัยที่ถูกต้องตั้งแต่แรก อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง เรียกว่า "ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (chronic cholecystitis)" ซึ่งการอักเสบที่เกิดขึ้นซ้ำซาก จะทำให้ผนังถุงน้ำดีหนาตัว ไม่สามารถขยายตัวและบีบตัวได้เป็นปกติ และหากปล่อยไว้ อาจกลายเป็นถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้

ถุงน้ำดีอักเสบพบมากในกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน) ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อและเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงสูง


สาเหตุ

ถุงน้ำดีอักเสบ ส่วนใหญ่มักเป็นภาวะแทรกซ้อนของนิ่วน้ำดี (นิ่วในถุงน้ำดี) หรือตะกอนในถุงน้ำดี (gall bladder sludge)  เนื่องจากนิ่วหรือตะกอนหลุดออกจากถุงน้ำดีลงมาอุดตันบริเวณปากถุงน้ำดี (cystic duct) ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้นและมีการขยายตัว ทำให้เยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้เกิดการอักเสบ และบางรายอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย (เช่น อีโคไล เคล็บซิลลา สเตรปโตค็อกคัส  สแตฟีโลค็อกคัส เป็นต้น) ร่วมด้วย

มีเพียงส่วนน้อยที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี แต่เกิดเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคหรือภาวะผิดปกติอื่น ๆ อาทิ  โรคติดเชื้อ (เช่น เอดส์ ตับอักเสบจากไวรัส ไทฟอยด์ เป็นต้น), ภาวะอุดกั้นของท่อน้ำดี (จากเนื้องอกในช่องท้อง หรือจากการตีบตันของท่อน้ำดีที่เกิดความผิดปกติ), การผ่าตัดในช่องท้อง, การบาดเจ็บรุนแรง หรือบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก, ภาวะขาดอาหารรุนแรง, การเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่กระทบต่อถุงน้ำดี หรือเกิดการทำลายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงถุงน้ำดีทำให้ถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นต้น มักพบในผู้ป่วยที่สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่มีการเจ็บป่วยหนัก นอนรักษาตัวในหออภิบาลผู้ป่วยหนัก มีภาวะช็อก หัวใจล้มเหลว หรือโลหิตเป็นพิษ หรือแพทย์ให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (parenteral nutrition) เป็นเวลานาน สันนิษฐานว่าปัจจัยเหล่านี้ทำให้ถุงน้ำดีบีบตัวได้น้อย และน้ำดีซึ่งมีความเข้มข้น (เนื่องจากมีไข้สูงจากโรคที่เป็นสาเหตุ และภาวะขาดน้ำ) คั่งค้างอยู่ในถุงน้ำดีนาน ทำให้ถุงน้ำดีมีแรงดันเพิ่มขึ้น และเยื่อบุผนังของถุงน้ำดีขาดเลือด เป็นผลให้ถุงน้ำดีอักเสบ*

*ถุงน้ำดีอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี (acalculous cholecystitis) พบได้ราวร้อยละ 5-10 ของผู้ที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบทั้งหมด ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง ส่วนมากจะเกิดอาการถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีไข้สูงและปวดท้องรุนแรง) แต่มีความรุนแรง (คือมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ได้แก่ ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า และถุงน้ำดีแตกทะลุ) และมีอัตราตายมากกว่าถุงน้ำดีอักเสบที่เกิดจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดี (calculous cholecystitis) แพทย์จะทำการรักษาแบบเดียวกับถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน


อาการ

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ผู้ป่วยมีการอักเสบเกิดขึ้นฉับพลันทันที ด้วยอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดท้องรุนแรง ตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา เวลาหายใจลึก ๆ จะปวดเจ็บมากขึ้น  และมักมีอาการกดเจ็บ (ใช้มือกดตรงบริเวณที่ปวดจะรู้สึกเจ็บมาก) อาจมีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา ใต้สะบักขวาหรือ ตรงกลางหลัง นอกจากนี้ อาจมีอาการท้องอืด เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

อาการมักเกิดหลังกินอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารมัน ๆ และจะมีอาการปวดท้องตลอดเวลาต่อเนื่องไปจนกว่าจะได้รับการรักษา

บางรายอาจมีอาการดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น) และอุจจาระสีซีดขาว เนื่องจากน้ำดีถูกอุดกั้น ระบายสู่ลำไส้ไม่ได้ และย้อนเข้ากระแสเลือด

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง มักมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ซึ่งอาการจะกำเริบเมื่อนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดีเคลื่อนตัวไปอุดตันปากถุงน้ำดี ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องแบบเล็กน้อยตรงใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา บางรายอาจมีอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ขวา ใต้สะบักขวา หรือตรงกลางหลัง และอาจมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอ คลื่นไส้ อาเจียน อาการมักเป็นในเวลาตอนเย็นหรือกลางคืน หรือหลังจากกินอาหารมัน ๆ อาการปวดท้องที่เป็นเพียงเล็กน้อยตรงชายโครงขวาและใต้ลิ้นปี่ มักทำให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเป็นอาการของโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย

อาการปวดท้องแต่ละครั้งจะเป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ แล้วก็จะหายไปได้เองอยู่ระยะหนึ่ง (เนื่องจากนิ่วหรือตะกอนในถุงน้ำดีเคลื่อนตัวหลุดออกจากปากถุงน้ำดี ทำให้การอุดตันนั้นคลายไป) ต่อมาอีกสักระยะหนึ่ง เมื่อเกิดการอุดตันกลับมาอีก อาการก็จะกลับมากำเริบใหม่ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ป่วยอาจมีอาการแรงขึ้นหรือบ่อยขึ้น

บางรายในเวลาต่อมาอาจมีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีไข้ ปวดท้องรุนแรง) หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้นได้


ภาวะแทรกซ้อน

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่

    ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี (empyema of gallbladder) ซึ่งเกิดจากน้ำดีในถุงน้ำดีเกิดการติดเชื้อ กลายเป็นหนองขังอยู่ในถุงน้ำดี อาจทำให้เกิดภาวะช็อกจากโรคติดเชื้อ (septic shock) เป็นอันตรายได้
    ถุงน้ำดีเป็นเนื้อตายเน่า (gangrene of gallbladder) ซึ่งเกิดจากผนังถุงน้ำดีที่อักเสบเกิดการบวมและขยายตัว ทำให้ขาดเลือดและเนื้อเยื่อตาย ถุงน้ำดีเกิดการแตกทะลุ เกิดเยื่อบุช่องท้องอักเสบและหนองในช่องท้อง เชื้อเข้ากระแสเลือด กลายเป็นโลหิตเป็นพิษ เป็นอันตรายได้
    ถุงน้ำดีที่มีภาวะพองลม (emphysematous cholecystitis) เกิดจากหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงถุงน้ำดีแข็งและตีบตัว ทำให้ถุงน้ำดีขาดเลือด เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่สร้างก๊าซ (gas forming organism เช่น กลุ่มเชื้อคลอสตริเดียม อีโคไล เป็นต้น) ทำให้เกิดการสะสมของก๊าซ (การพองลม) ในผนังถุงน้ำดีและภายในของถุงน้ำดี เป็นภาวะที่พบได้น้อย พบบ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ผู้ที่เป็นเบาหวานมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคนี้ ซึ่งมีอัตราตายสูง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเนื้อตายเน่าและการแตกทะลุของถุงน้ำดี
    ภาวะแทรกซ้อนอื่นที่อาจพบได้ เช่น ภาวะโลหิตเป็นพิษ (เชื้อเข้ากระแสโลหิต) ตับอ่อนอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ ตับอักเสบ

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง อาจพบภาวะแทรกซ้อน ได้แก่

    มีอาการของถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อนตามมาในภายหลัง และอาจมีผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงดังกล่าวข้างต้น
    ลำไส้อุดกั้น (small bowel obstruction) เนื่องจากเกิดทางทะลุ (fistula) ระหว่างถุงน้ำดีกับลำไส้เล็ก นิ่วในถุงน้ำดีหลุดเข้าไปอุดกั้นในลำไส้เล็ก ทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืดแน่นรุนแรง เรียกว่า "ภาวะลำไส้อุดกั้นจากนิ่วน้ำดี (gallstone ileus)"
    ท่อน้ำดีเกิดการอุดกั้น จากการกดเบียดของพังผืดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดี ทำให้เกิดภาวะดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเข้มเหมือนขมิ้น และอุจจาระสีซีดขาว) และอาจเกิดการติดเชื้อ ทำให้ท่อน้ำดีอักเสบแทรกซ้อนได้
    การอักเสบเรื้อรังของถุงน้ำดี อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของถุงน้ำดีมากกว่าปกติ

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากการซักถามอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

การตรวจร่างกาย ในผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลันมักพบว่ามีไข้ กดเจ็บมากตรงใต้ชายโครงขวาหรือใต้ลิ้นปี่ บางรายอาจตรวจพบอาการตาเหลืองตัวเหลือง

ส่วนในผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง จะไม่พบว่ามีไข้ หรืออาการตาเหลืองตัวเหลือง และอาจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจนอื่น ๆ ยกเว้นบางรายอาจตรวจพบอาการกดเจ็บเล็กน้อยบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้อง (abdominal ultrasound) และการตรวจเลือด (ในถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน จะพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูงกว่าปกติ และการทำงานของตับผิดปกติ) เป็นหลัก ในรายที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อเข้ากระแสโลหิต (โลหิตเป็นพิษ) แพทย์จะทำการเพาะเชื้อจากเลือด (blood culture) และทดสอบความไวของเชื้อต่อยาปฏิชีวนะ

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การตรวจระบบทางเดินอาหารโดยการส่องกล้องที่ติดอัลตราซาวนด์ (endoscopic ultrasound) การถ่ายภาพรังสีตรวจถุงน้ำดีโดยการกินสารทึบรังสี (oral cholecystography) เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การตรวจสแกนตับและทางเดินน้ำดี (hepatobiliary scan) การส่องกล้องตรวจทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (endoscopic retrograde cholangiopancreatography/ERCP) เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ให้การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ โดยให้ผู้ป่วยงดน้ำและอาหารเพื่อให้ถุงน้ำดีได้พัก และให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ให้ยาบรรเทา (เช่น แก้ปวด แก้ไข้ แก้คลื่นไส้อาเจียน)

2. ให้ยาปฏิชีวนะ รักษาการติดเชื้อ ซึ่งมักจะให้ยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นหลัก

3. ทำการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงน้ำดีอักเสบกำเริบซ้ำ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ซึ่งจะพิจารณาทำการผ่าตัดในเวลาที่เหมาะสม ยกเว้นในรายที่มีภาวะที่รุนแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า ภาวะโลหิตเป็นพิษ) หรือการรักษาด้วยยาไม่ได้ผลเท่าที่ควร แพทย์ก็จะทำการผ่าตัดแบบรีบด่วน

การผ่าตัด แพทย์จะเลือกวิธีผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy) หรือผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง (open cholecystectomy) โดยพิจารณาตามสภาพปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย

ในรายที่มีความเสี่ยงต่อการผ่าตัดถุงน้ำดี แพทย์จะใช้วิธีผ่าระบายถุงน้ำดี (cholecystostomy) โดยทำการเปิดถุงนํ้าดีผ่านทางหน้าท้อง เพื่อระบายเอาหนองหรือน้ำดีออกทางท่อต่อสายยางที่เย็บติดกับทางเปิดนั้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ได้ผลดี ร่างกายฟื้นตัวหายได้เป็นปกติ

ส่วนน้อยอาจมีความยุ่งยากในการรักษา หรือเสี่ยงอันตรายต่อชีวิต ซึ่งมักจะพบในผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง (เช่น ภาวะมีหนองในถุงน้ำดี ถุงน้ำดีมีเนื้อตายเน่า เชื้อเข้ากระแสโลหิตหรือโลหิตเป็นพิษ), มีภาวะดื้อต่อยาที่รักษา, หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง ตับแข็ง เป็นต้น)

ถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบไม่รีบด่วน คือนัดหมายให้ทำในเวลาที่สะดวกและมีการเตรียมความพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่จะทำการผ่าตัดถุงน้ำดีแบบส่องกล้อง การผ่าตัดถุงน้ำดีนอกจากจะได้ผลดีและปลอดภัยแล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้ได้รับอันตรายจากการเกิดถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน และภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้อีกด้วย

สำหรับผู้ป่วยถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังบางคนที่ยังไม่สะดวกหรือไม่พร้อมที่จะรับการผ่าตัด หากร่างกายยังแข็งแรงดี หรือมีอาการยังไม่มาก แพทย์จะทำการติดตามดูอาการเป็นระยะ และแนะนำให้หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูงเพื่อไม่ให้อาการกำเริบบ่อย


การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นถุงน้ำดีอักเสบ เช่น มีไข้และปวดท้องรุนแรงตรงบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวา หรือมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ซึ่งกินยารักษาโรคกระเพาะไม่ได้ผล หรือเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด
    ผู้ป่วยที่เป็นถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังที่ยังไม่ได้ผ่าตัด ซึ่งแพทย์นัดติดตามดูอาการเป็นระยะนั้น ควรปฏิบัติ ดังนี้

- ทำงาน และออกกำลังกายได้เป็นปกติ แต่ไม่ให้หักโหมมากเกินไป
- กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ควรอดอาหาร 
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันชนิดอิ่มตัวและคอเลสเตอรอลสูง เช่น ไขมันสัตว์ เครื่องในสัตว์ หนังสัตว์ น้ำมันหมู มันหมู  หมูสามชั้น หมูกรอบ ขาหมู ข้าวมันไก่ เนื้อวัวติดมัน หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอก เนย ครีม กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ไข่แดง อาหารทะเล (เช่น หอยแครง หอยนางรม ปลาหมึก) อาหารทอด (เช่น แคบหมู หมูทอด ไก่ทอด กล้วยแขก ปาท่องโก๋ มันฝรั่งทอด ข้าวเกรียบทอด) เป็นต้น
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- งดสูบบุหรี่และดื่มสุรา
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการปวดท้องรุนแรง หรือปวดท้องบ่อย มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ) หรือมีความวิตกกังวล

    ผู้ป่วยที่กลับจากโรงพยาบาลหลังผ่าตัด

- ควรพักฟื้น และหลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือยกของหนักจนกว่าจะฟื้นตัวเป็นปกติ หรือตามที่แพทย์แนะนำ
- ดูแลรักษาแผลผ่าตัดตามที่แพทย์แนะนำ
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นอาหารโปรตีนให้มาก เช่น นมพร่องมันเนย ไข่ขาว เนื้อปลา เต้าหู้ ถั่วเหลือง เป็นต้น
- กินอาหารที่ย่อยง่าย วันละ 5-6 มื้อ แต่ละมื้อลดปริมาณลงเหลือครึ่งหนึ่งของปกติ (จากที่เคยกินวันละ 3 มื้อ)
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง และอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน
- กินผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืชให้มาก ๆ
- ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าแผลอักเสบ, หรือมีอาการปวดท้องรุนแรง มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินมาก ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด (โดยไม่ตั้งใจ), หรือถ้ากินยาที่แพทย์สั่งให้แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ)


การป้องกัน

1. หาทางป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วน้ำดี โดยปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

    รักษาน้ำหนักตัวไม่ให้มากเกินหรือเป็นโรคอ้วน
    ถ้าต้องการลดน้ำหนักตัว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ไม่ลดเร็วเกินไป เนื่องเพราะการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี
    กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ข้ามมื้ออาหาร หรืออดอาหาร
    ลดอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูง
    กินอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญพืช
    ออกกำลังกายเป็นประจำ

2. ผู้ที่แพทย์ตรวจพบว่าเป็นนิ่วน้ำดี ควรรักษาด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดีตามที่แพทย์แนะนำ

ข้อแนะนำ

1. ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (มีอาการไข้และปวดท้องรุนแรงตลอดเวลา) ซึ่งพบได้บ่อยกว่าถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (มีอาการปวดท้องที่ไม่ค่อยชัดเจนและไม่รุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย) นับว่าเป็นภาวะที่ค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการสงสัย ควรไปพบแพทย์ภายใน 6 ชั่วโมง การไปพบแพทย์ล่าช้าเกินไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ทำให้เกิดความยุ่งยากในการรักษาหรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเบาหวาน หรือโรคเรื้อรังอื่น ๆ

2. ผู้ที่มีอาการปวดตรงใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวาแบบไม่รุนแรง หรือมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อบ่อย โดยที่สุขภาพทั่วไปเป็นปกติดี และมักมีอาการหลังกินอาหาร เป็น ๆ หาย ๆ คล้ายอาการของโรคกระเพาะหรืออาหารไม่ย่อย มักจะเข้าใจว่าเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร (เช่น กรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหารอักเสบ) ถ้าลองกินยาที่ใช้รักษาโรคกระเพาะแล้วอาการไม่ทุเลา หรือมีอาการเรื้อรังนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการของถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรังก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติเป็นนิ่วน้ำดีแบบไม่มีอาการ หรือผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วน้ำดี (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน คนอ้วน เป็นต้น)

3. เมื่อตรวจพบว่าเป็นถุงน้ำดีอักเสบ แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกไป หลังผ่าตัดใหม่ ๆ ผู้ป่วยบางคนอาจมีปัญหาการย่อยไขมันได้ ทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน หรือถ่ายเหลวบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกินอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งร่างกายจะค่อย ๆ ปรับตัว ทำให้อาการทุเลาไปได้เองภายในไม่กี่สัปดาห์ ระหว่างที่มีอาการ แนะนำให้ผู้ป่วยงดกินอาหารที่มีไขมันสูงและอาหารที่ทำให้ท้องอืดแน่น หรือท้องเดิน ควรกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มาก ๆ

5
ลงประกาศฟรี / มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ 2024: โอร่า ORA Good Cat GT ปี 2024
« เมื่อ: วันที่ 19 พฤศจิกายน 2024, 20:16:23 น. »
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ 2024: โอร่า ORA Good Cat GT ปี 2024
859,000 บาท 

โอร่า ORA Good Cat GT ปี 2024
ORA Good Cat GT เจ้าเหมียวไฟฟ้าขวัญใจชาวไทย ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่จะเริ่มทำการผลิตจากโรงงาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) เพื่อส่งออก ขายสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทย โดยจะมากับสีภายนอก 2 สี ได้แก่ สีเทา (Aqua Grey) สีดำ (Sun Black) ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ หรือ 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมความสามารถการกู้คืนพลังงาน (Energy Recovery) ได้สามระดับ ได้แก่ น้อย, มาตรฐาน และมาก เพื่อการประหยัดพลังงาน

หมายเหตุ จากราคา 1,099,000 บาท เหลือเพียง 859,000 บาท

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์           ORA
   รุ่น                โอร่า ORA Good Cat GT ปี 2024
   ประเภทรถ        รถเก๋ง 5 ประตู, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว        2024
   ราคา             859,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
ซันรูฟ (เปิดได้)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟตัดหมอก (หลัง)
ระบบควบคุมระยะการจอด (หน้า 6 จุด หลัง 6 จุด)
ไฟท้าย LED (Tail Light Strip พร้อมไฟ Welcome light แบบพิเศษ)
ขนาดยางหน้า-หลัง (215/50 R18)
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (อัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED (อัจฉริยะ พร้อมระบบ เปิด-ปิดอัตโนมัติ)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า)
ไฟ Daytime Running Lights
ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์
ล้ออัลลอย (ดีไซน์สปอร์ต 18 นิ้ว)

   ภายใน
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
ภายในโทนสีดำ
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (5 รูปแบบ มาตรฐาน/Sport/ECO/ECO+/อัตโนมัติ)

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า           มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุด 126 กิโลวัตต์หรือ 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)            แรงม้า
   ระบบเกียร์                             1 จังหวะ
   รูปแบบเกียร์                      ก้านเปลี่ยนเกียร์เกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ด้านข้างพวงมาลัย
   ระบบเบรค ABS                  มี
   ชนิดแบตเตอรี่                    ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                  57.7 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง    แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) มีระยะทางวิ่ง สูงสุด 460 กิโลเมตร (NEDC Standard)
   น้ำหนักตัวรถ                       -
   ประเภทยางรถยนต์                -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                 ล้ออัลลอย (ดีไซน์สปอร์ต 18 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (พร้อมคาลิปเปอร์สีเหลือง)
เซ็นทรัลล็อค
สัญญาณกันขโมย
ไฟเบรกดวงที่ 3
รีโมทคอนโทรล (Smart Keyless Entry และระบบ Quick Start System)
ระบบป้องกันการโจรกรรม
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (Intelligent Safety,ระบบจอดรถด้วยเกียร์ N,ระบบตรวจสอบสถานะผ่านแอปพลิเคชั่น,การควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน,ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน,ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน,ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการถูกชนด้านหลัง,ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู)
เข็มขัดนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
อื่นๆ (ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินบนทางตรงและทางแยกและคนเดินเท้า, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ, ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้า, รบบช่วยเบกฉุกฌฉินที่ความเร็วต่ำ, ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ฯลฯ)
ระบบ intelligence around view monitor กล้องมองภาพรอบทิศทาง
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล
ระบบสั่งการด้วยเสียง
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (ที่ความเร็วตํ่า, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน, ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน)
กล้อง
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง,ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง)
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA (ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง,ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2)
เบรกมือไฟฟ้า (พร้อมฟังก์ชันหยุดอัตโนมัติขณะรถหยุดนิ่ง)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX)

6
โรคปอดอักเสบอันตรายกว่าที่คิด...หากไม่คิดป้องกัน

หน้าหนาวใกล้เข้ามาทีไรก็นึกหวั่นใจทุกครั้ง เพราะเป็นอีกหนึ่งฤดูที่โรคระบาดมักแพร่ระบาดหนัก หนึ่งในนั้นคือ “โรคปอดอักเสบ” หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อ “โรคปอดบวม” ซึ่งน่ากลัวไม่แพ้โรคอื่นๆ โรคนี้มักพบในเด็กและผู้สูงอายุ ทั้งยังมีความรุนแรงมาก หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาอาจส่งผลให้อาการทรุดหนักลงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

 
โรคปอดอักเสบ...คืออะไร?

โรคปอดอักเสบ หรือ ปอดบวม (Pneumonitis) คือ ภาวะการอักเสบของถุงลมปอดและเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ โดยเกิดจากเชื้อโรคจำพวกเชื้อรา เชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรียที่แพร่ผ่านอากาศ เช่น การไอ จาม การหายใจรดกัน และหากเชื้อที่ปอดแพร่กระจายไปยังกระแสเลือด อาจจะนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตต่ำ เกิดภาวะช็อกจากการติดเชื้อ และทำให้อวัยวะภายในทำงานล้มเหลวได้

โรคปอดอักเสบสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งหากกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้เกิดการติดเชื้อ จะส่งผลรุนแรงและทำให้เสียชีวิตได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ


สาเหตุของการเกิดโรคปอดอักเสบ

โรคปอดอักเสบสามารถเกิดได้ใน 2 ลักษณะ คือ

    ปอดอักเสบจากการติดเชื้อ : เป็นชนิดของปอดอักเสบที่พบได้บ่อยที่สุด โดยเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือเชื้อราภายในปอดดังที่กล่าวมา หากปริมาณเชื้อมีมากเกินไปจนร่างกายไม่สามารถกำจัดเชื้อได้หมด จะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงและมีอาการต่างๆ โดยเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ เชื้อนิวโมคอกคัส (Pneumococcus), เชื้อ RSV (Respiratory Syncytial Virus), เชื้อไข้หวัดใหญ่ (Influenza), เชื้อไวรัสโคโรนา (Corona Virus) และเชื้อราจากมูลนกหรือซากพืชซากสัตว์ เป็นต้น
    ปอดอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ : อาจเกิดจากการหายใจเอาสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อปอดเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมี หรือมลพิษต่างๆ รวมถึงการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาเคมีบำบัด หรือยาเกี่ยวกับหัวใจบางชนิด หากได้รับสารเหล่านี้เป็นเวลานานจะเกิดการสะสมและกลายเป็นโรคปอดอักเสบได้


สังเกตให้ไว! อาการเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงโรคปอดอักเสบ

เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะยังไม่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อในทันที แต่จะมีช่วงระยะฟักตัวก่อน ซึ่งจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อ โดยจะใช้เวลาตั้งแต่ 1-3 วันไปจนถึงเป็นสัปดาห์ ภายหลังการฟักตัวแล้ว ส่วนใหญ่จะมีอาการเหล่านี้

    ไอ
    เจ็บคอ
    มีไข้สูง
    อ่อนเพลีย
    มีเสมหะสีเขียวหรือสีเหลือง
    รู้สึกคลื่นไส้ อยากอาเจียน 
    หายใจลำบาก
    เจ็บแน่นหน้าอก

โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ อาจมีอาการซึมหรือสับสน และในเด็กเล็กอาจมีอาการท้องอืด อาเจียน ซึม หรือไม่อยากดื่มนมหรือน้ำ หากพบอาการเหล่านี้อาจสงสัยได้ว่าเป็นโรคปอดอักเสบ และควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรีบรักษาทันที


การตรวจวินิจฉัยโรคปอดอักเสบ

แพทย์จะเริ่มต้นจากการซักประวัติและตรวจร่างกายเบื้องต้น โดยเฉพาะตรวจการหายใจเพื่อฟังเสียงภายในปอด และอาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด ตรวจเอกซเรย์ปอด เพื่อดูความผิดปกติอื่นๆ ประกอบการวินิจฉัย


โรคปอดอักเสบรักษาอย่างไร?

ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการของผู้ป่วย ร่วมกับการรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคปอดอักเสบ ซึ่งแบ่งการรักษาได้ ดังนี้

การให้ยาปฏิชีวนะ : จะให้ในกรณีที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยจะมีทั้งแบบรับประทานและแบบฉีด

การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ : เช่น ให้ยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ หรือยาขยายหลอดลม

การรักษาภาวะแทรกซ้อน : หากมีฝีหรือหนองที่ปอด หรือเกิดภาวะมีน้ำในเยื่อหุ้มปอด ก็จะปรับยาฆ่าเชื้อให้ตรงกับชนิดของเชื้อ แต่ถ้าอาการยังไม่ทุเลา แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเอาหนองออก หรือทำการระบายน้ำออก


ป้องกันร่วมกับรักษา...ช่วยเยียวยาโรคปอดอักเสบ

แนวทางการป้องกันโรคปอดอักเสบ ต้องเริ่มจากการป้องกันการติดเชื้อ แต่หากติดเชื้อแล้วก็ต้องรักษาและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดีที่สุด โดยมีแนวทางดังนี้

    ฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ เช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (Flu Vaccine) วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ (Pneumococcal vaccine) วัคซีนป้องกันการติดเชื้อนิวโมคอคคัส (Streptococcus pneumonia)
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วยโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ และการอยู่ในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันทุกครั้ง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    ล้างมือทุกครั้งทั้งก่อนและหลังการหยิบจับสิ่งของหรือการรับประทานอาหาร
    หลีกเลี่ยงมลพิษต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบ เช่น ควันบุหรี่ ควันไฟ หรือควันจากท่อไอเสียรถยนต์
    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อเพิ่มระดับภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

ทั้งนี้ อาการของโรคปอดอักเสบที่กล่าวมาทั้งหมด อาจไม่ใช่สัญญาณของโรคปอดอักเสบอย่างเดียวเสมอไป แต่อาจหมายถึงความผิดปกติอื่นๆ ของร่างกาย ดังนั้นหากพบความผิดปกติหรืออาการน่าสงสัย ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างทันท่วงทีต่อไป

7
ติดแบล็คลิส ขอสินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำได้มั้ย

คงไม่มีใครอยากมีหนี้สะสมจนติดแบล็คลิสหรือติดเครดิตบูโรหรอกนะคะ เพราะจะส่งผลต่อประวัติการเงินของเราไปอีกนาน แม้จะปิดหนี้นั้นได้แล้ว ก็ต้องรออีกหลายปีกว่าข้อมูลจะถูกอัปเดต สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะขอสินเชื่อ จะเลือกยังไงให้กู้ผ่าน เลือกสินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำจะกู้ผ่านมั้ย จะจัดการกับเครดิตบูโรเบื้องต้นยังได้บ้าง ไปทำความเข้าใจกันดีกว่าค่ะ ดูเพิ่มเติม "Blacklist" มีจริงมั้ย ติดแล้ว แก้ไขได้หรือเปล่า

สินเชื่อเงินสดดอกเบี้ยต่ำ

ติดเครติดบูโร ขอสินเชื่อได้ยากหรือง่าย
"ยาก" เพราะธนาคารจะพิจารณาว่าเรามีหนี้สินเยอะเกินไป ซึ่งส่งผลให้เห็นว่าเราไม่สามารถชำระหนี้ได้นั่นเอง แต่หลายๆ ธนาคารก็มีเคล็ดลับสำหรับคนที่ติดเครดิตบูโร แต่มีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อนะคะ ว่าสามารถเข้าไปคุยกับธนาคารก่อน หรือลองทำตามเคล็ดลับ ดังนี้
 
1. รวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว
รวมหนี้บัตรเครดิต และหนี้อื่นๆ ไปจนถึงหนี้นอกระบบ ไว้เป็นก้อนเดียวแล้วนำไปขอสินเชื่อเพื่อการรวมหนี้ ซึ่งหากเราเหลือยอดหนี้ที่เป็นก้อนเดียว ก็สามารถปิดหนี้ได้เร็วและเป็นระบบมากขึ้น และเมื่อยื่นขอสินเชื่อใหม่ก็มีโอกาสที่จะได้รับอนุมัติสินเชื่อง่ายกว่านั่นเองค่ะ
 
2. ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ
เราสามารถนำสินทรัพย์ที่ใช้ได้อย่างเช่น บ้าน, ที่ดิน, บัญชีเงินฝาก ฯลฯ มาใช้ค้ำประกัน และการใช้หลักทรัพย์มาค้ำประกันก็ช่วยเพิ่มคะแนนหให้ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
 
3. หาคนมากู้ร่วม
การกู้ร่วมกันย่อมมีเครดิตที่ดีกว่าคนเดียวอยู่แล้ว แต่การกู้ร่วมจะสามารถกู้ร่วมได้กับคนในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น เช่น พ่อแม่, สามีภรรยา, พี่น้องครอบครัวเดียวกัน เป็นต้น
 
วิธีจัดการเครดิตบูโรก่อนขอสินเชื่อ
1. ปิดหนี้เก่า
การติดเครดิตบูโรก็คือการที่เราค้างชำระหนี้นั่นเอง วิธีแก้ไขก็คือชำระหนี้เดิมให้หมด เริ่มจากการขอพักชำระหนี้ และชำระหนี้ไปเรื่อยๆ จนหมด และปิดบัญชีให้เรียบร้อยนั่นเอง
 
2. สร้างสถานะเครดิตบูโรใหม่
เมื่อปิดหนี้เก่าแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการสร้างความน่าเชื่อถือขึ้นมาใหม่ อาจเริ่มจากการทำบัตรเครดิต แล้วผ่อนชำระให้ตรงเวลาเสมอ ก็เป็นการค่อย ๆ สร้างประวัติการชำระหนี้ให้ดีขึ้นมาได้
 
3. เมื่อติดเครบูโรแล้ว จะมีระยะเวลารอคอย
เมื่อปิดหนี้เก่า และสร้างประวัติใหม่ให้ดีกว่าเดิมแล้ว ก็ยังไม่สามารถยื่นขอสินเชื่อบ้านกับธนาคารได้ทันทีนะคะ ต้องเว้นระยะไปประมาณ 3 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละธนาคารด้วยค่ะ
 
สรุปแล้ว... คนที่ติดเครดิตบูโรก็สามารถยื่นขอสินเชื่อได้นะคะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วย ทางที่ดีคือและสามารถป้องกันได้ก่อนติดเครดิตบูโรก็คือ มีวินัยในการใช้เงินและชำระหนี้ให้ตรงเวลานะคะ

8
บริหารจัดการอาคาร: น้ำยาแอร์ เลือกใช้อย่างไร และต่างกันอย่างไร ?

หลายๆครั้ง ที่คุณอาจจะต้องเจอช่างแอร์เรียกเก็บค่าเติมน้ำยาแอร์ หลังจากที่ล้างแอร์เสร็จ และช่างไม่ได้แจ้งว่ามีการรั่วซึมแต่อย่างไร การเติมน้ำยาแอร์จึงไม่จำเป็น และหากมีการเติมน้ำยาแอร์มากเกินกว่าสเปกของเครื่อง ก็จะเกิดลักษณะอาการ Over Charge ที่จะส่งผลให้แอร์ไม่เย็นได้ เพราะฉะนั้น ควรเลือกช่างที่ไว้ใจได้และเป็นมืออาชีพในการตรวจสอบและดูแลเครื่องปรับอากาศทุกครั้ง เพราะ น้ำยาแอร์ แท้จริงแล้วไม่ต้องเติมบ่อย โดยปกติแล้ว หากได้รับการติดตั้งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะผ่านไป 5 หรือ 10 ปี ถ้าแอร์ยังเย็นอยู่ปกติ ไม่มีการรั่วไหล เราก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าน้ำยาแอร์แต่อย่างใดเพราะน้ำยาแอร์อยู่ในระบบปิด หมุนเวียน ไม่มีทางหมด แต่หากมีรอยรั่วเกิดขึ้น อาจจะทำให้น้ำยาแอร์หมดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือบางครั้งระยะเวลาอาจขยายไปถึงเดือน ทั้งหมดขึ้นอยู่กับขนาดของรอยรั่ว


ซึ่งในทุกครั้งที่มีการเติมน้ำยาแอร์ใหม่เกิดขึ้น ช่างจำเป็นต้องหารอยรั่วและอุดรอยรั่วให้สำเร็จก่อนจะเติมน้ำยาแอร์ใหม่ลงไปใหม่ เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนได้ แต่ในขณะเดียวกัน น้ำยาแอร์ก็มีอยู่หลายประเภท ซึ่งก็ต้องเติมให้ถูกต้อง เลือกใช้ให้ถูก เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะเกิดปัญหาตามมามากมายได้ วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงน้ำยาแอร์ว่าจะต้องเลือกใช้อย่างไร และแต่ละประเภทมีความแตกต่างอย่างไรบ้างเพื่อเป็นข้อมูลให้คนทุกคนที่ต้องใช้แอร์เป็นประจำ เพื่อเกิดปัญหาก็จะได้รู้เท่าทัน ไม่โดนหลอกให้เสียเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์


น้ำยาแอร์มีหลายชนิด เป็นสารเคมี ที่จะใช้เพื่อการทำงานในระบบปรับอากาศและทำหน้าทีทำความเย็น ให้ไหลผ่านคอมเพรสเซอร์และคอยล์เย็น จะช่วยดูดซับปริมาณความร้อน กับความร้อนแฝง เพื่อเปลี่ยนอุณหภูมิและความดัน ให้ต่ำลงและกลายเป็นความเย็น ซึ่งจะมีหลายประเภทเช่น น้ำยาแอร์ R407C เป็นสารทำความเย็นและเป็นสารบริสุทธิ์สูง ซึ่งเป็นสารทำความเย็น ที่นิยมใช้ทดแทน R22 ที่เป็นระบบปรับอากาศแบบเดิม ซึ่งมีคุณสมบัติใกล้เคียง R22 มาก สามารถที่จะช่วยลดปัญหาการทำลายชั้นบรรยากาศ เหมาะสำหรับระบบทำความเย็นขนาดกลาง และระบบทำความเย็นในอาคาร อย่างเช่น ระบบทำความเย็นสำนักงาน ที่พักอาศัย หรือแม้กระทั่งโรงงานอุตสาหกรรม


นอกจากนี้ ยังมีน้ำยาแอร์ R410A สามารถใช้กับระบบทำความเย็นรุ่นใหม่อย่างอินเวอร์เตอร์ เนื่องจากมีความสามารถในการนำความร้อนสูง ทำความเย็นได้รวดเร็ว มีค่าการทำลายชั้นโอโซนหรือชั้นบรรยากาศต่ำ และไม่ติดไฟ จุดสำคัญเป็นการใช้ปริมาณน้ำยาที่น้อยลง แต่ก็ยังคงคุณภาพ เอาไว้ได้ดีมากขึ้น สามารถที่จะใช้ได้ ตั้งแต่ระบบทำความเย็นทั่วไป จนถึงระบบการทำความเย็น ที่สามารถแช่แข็งได้ และยังมีน้ำยาแอร์  R32 เป็นสารผสมในกลุ่ม HFC เป็นสารทำความเย็น แบบไม่เป็นสารผสม


มีค่าการทำลายชั้นโอโซน และการเกิดภาวะเรือนกระจกในปริมาณที่ต่ำมาก สามารถที่จะติดไฟได้ แต่ไม่มีความรุนแรง สะดวกเมื่อเกิดปัญหาในเรื่องของน้ำยารั่ว ก็จะสามารถเติมได้ทันที เหมาะสำหรับระบบทำความเย็นในอาคาร ที่พักอาศัย ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งตู้เย็นและห้องเย็นได้ด้วย เห็นมั้ยว่า น้ำยาแอร์นั้นมีหลากหลายประเภทและมีความแตกต่างกัน ซึ่งการเลือกใช้ก็ต้องอยู่ที่คงวามเชี่ยวชาญของช่าง ซึ่งแน่นอนว่า เรื่องของน้ำยาแอร์หลายคนอาจจะไม่มีความรู้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือจะต้องใช้ความถูกต้อง ถูกสเปก เช่น ต้องใช้น้ำยาแอร์ที่เป็นชนิดเดียวกัน ห้ามใช้คนละชนิดมาผสมกัน


การเติมน้ำยาแอร์ R32 สามารถเติมส่วนที่น้ำยาขาดเพิ่มเข้าไปได้เลย เนื่องจากเป็นสารเชิงเดี่ยวไม่มีการผสมสารใดใดเพิ่มเติม แต่ในทางกลับกันการเติมน้ำยาแอร์ R410A กลับมีความจำเป็นต้องถ่ายน้ำยาแอร์เดิมออกมาให้หมดทุกครั้งก่อนเติมน้ำยาใหม่


อย่างไรก็ตาม ทางเรา อยากให้ทุกครอบครัวได้สร้างบรรยากาศภายในครอบครัวให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่เสมอ ด้วยการทำความสะอาดบ้านช่องให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจัยหลายๆอย่างในบ้านของเรา สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี เพราะสุขภาพที่ดีสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

9
เครื่องมือจัดฟันเด็ก ภายนอกปาก ทำงานอย่างไร

การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ใช้แก้ไขปัญหาฟันในเด็ก ซึ่งโดยปกติแล้ว เด็กจะมีโอกาสฟันผุได้มาก เนื่องจากเด้กชอบรับประทานอาหารที่มีความหวาน เช่น ขนม ลูกอม หรือน้ำหวาน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุในเด็ก ยิ่งถ้าเด็กไม่ใส่ใจในเรื่องของการความสะอาดช่องปากและฟัน ก็จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันได้ง่าย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กๆให้มาก ควรปลูกฝังให้เด็กรู้จักรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ป้องกันการเกิดปัญหาฟันผุ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปาก นอกจากนี้ เด็กที่มีพฤติกรรมที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็น ชอบดูดขวดนม ชอบดูนิ้ว ก็มีผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันในอนาคตได้

เพราะการที่เด็กมรพฤติกรรมดูดนิ้ว อาจจะส่งผลต่อรูปร่างของฟันได้ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่หมั่นสังเกตพฤติกรรมและหาวิธีทางแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าวของลูก สำหรับการเข้ารับการจัดฟันในเด็กนั้น เด็กสามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ตั้งแต่ อายุ 4 ปี โดยไม่รอให้ฟันน้ำนมหลุดออกหมด ถ้าเป้นเด็กในวัย 4 ปี หรืออยู่ในช่วงที่ไม่สามารถให้ความร่วมมือกับทันตแพทย์ได้ไม่ดีนัก จะใช้วิธีการจัดฟันในเด็ก โดยใช้เครื่องมือ EF Line ในการรักษา เครื่องมือ EF Line ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาโครงสร้างของใบหน้า ช่วยปรับกล้ามเนื้อทำให้เด็กมีโครงสร้างของใบหน้าที่สวย และไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม ในการจัดฟันในเด็ก ก็ยังมีเครื่องมือภายนอกปาก ซึ่งมีด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ๆ

ซึ่งวันนี้ทางคลินิก ของเราจะพามารู้จักกับเครื่องมือการจัดฟันในเด็ก ภายนอกปาก ซึ่งมีด้วยกัน 2 ประเภท และมีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป นั่นก็คือ Headgear เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเด็กที่มีปัญหาขากรรไกรบนยื่นมากผิดปกติ เมื่อเทียบกับขากรรไกรล่าง โดยจะใส่เครื่องมือที่เรียกว่า Headgear ที่ทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของขากรรไกรบน นั่นเอง ต่อมาอีกประเภทหนึ่งก็คือ Protection Face Mask ใช้สำหรับแก้ไขปัญหาขากรรไกรล่างยื่นมากผิดปกติ เมื่อเทียบกับขากรรไกรบน เป็นการดึงขากรรไกรบนมาข้างหน้า และยับยั้งการเจริญเติบโตของขากรรไกรล่าง โดยเครื่องมือจัดฟันภายนอกปากจะมุ่งเน้นแก้ไขโครงสร้างขากรรไกรของเด็กเป็นหลัก เนื่องจากเด็กจะต้องใส่ในขณะนอนหลับ เฉลี่ยประมาณ12-14 ชั่วโมงต่อคืน

ดังนั้น การใช้เครื่องมือดังกล่าว จึงต้องได้รับความร่วมมือจากเด็กค่อนข้างมาก แต่หากเป็นเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้จะมุ่งเน้นการแก้ไขการปรับแต่งขากรรไกรบ้างหรือแก้ไขความผิดปกติของฟัน ส่วนการจัดฟันที่ใช้เครื่องมือแบบถอดได้นั้น จะใช้ในกรณีที่ เด็กมีฟันล่างคร่อมฟันบน แต่ไม่มีปัญหาที่โครงสร้างของใบหน้า ก็จะใส่เครื่องมือถอดได้ในช่องปากเพื่อทำการผลักฟันล่างออกมากรณีที่ฟันบนยื่นมากๆ  จะใส่เครื่องมือที่หน้าตาคล้ายกับรีเทนเนอร์ เพื่อดันฟันหน้าบนให้เคลื่อนที่ไปด้านหลัง และมีตัวระนาบเอียง เพื่อกระตุ้นให้ขากรรไกรล่างมีการเคลื่อนที่มาข้างหน้านั่นเอง

 ซึ่งการเลือกใช้เครื่องมือการจัดฟันในเด็ก ทันตแพทย์ก็จะเป้นพิจารณาว่า เด็กมีปัญหาในเรื่องใด และเหมาะสมที่จะใช้เครื่องมือการจัดฟันอย่างไร เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากทที่สุด เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาวได้ เพื่อให้เด็กเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย และมีบุคลิกภาพที่มั่นใจด้วย ดังนั้น ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กจึงมีความสำคัญมาก อย่าคิดว่าเด็กกำลังมีฟันน้ำนมอยู่ รอให้โตจนฟันแท้ขึ้นครบจึงค่อยมาดูแล เพราะกว่าจะถึงตอนนั้น ก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้ เพราะฟันน้ำนมของเด็ก ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้โดยตรง พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะดูแลให้มากเป็นพิเศษ

 
สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมในเด็ก และมีประสบการณ์ทางด้านการจัดฟฟันมาอย่างยาวนาน จึงสามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้อง ตามหลักวิชาการ เพราะเราอยากพ่อแม่ทุกคนใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่ลูกจะได้เติบโตไปเป้นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

10
เคล็ดลับทำบุญ ส่งอานิสงส์แรงและเร็ว ทำบุญขจัดอุปสรรค ชีวิตจากร้ายเป็นดี

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดยยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

การทำบุญตักบาตรหรือถวายสังฆทาน เป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์ดีและเร็ว หากใครที่กำลังมีอุปสรรคในชีวิต หรืออยากจะเสริมดวงให้ดีขึ้นแบบรอบด้าน แมน การิน นักแสดงที่มีความสามารถด้านเลขศาสตร์และการดูดวง แนะนำให้หาเวลาไปทำบุญโดยมีทริกดีๆ ในการเสริมบุญให้ชีวิตจากร้ายกลายเป็นดีมาฝาก

ทำบุญถวายเครื่องหอม และดอกไม้หอม

การทำบุญด้วยเครื่องหอม หรือดอกไม้หอม จะมีอานิสงส์ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีออร่า เป็นคนมีเสน่ห์ตลอดเวลา และส่งเสริมอริยทรัพย์และโภคทรัพย์ให้มีความเจริญรุ่งเรือง รวมไปถึงการเกิดในชาติหน้า จะมีผิวพรรณเปล่งปลั่งและมีออร่า โดยคนแต่ละวันเกิดก็จะเหมาะกับดอกไม้ที่ต่างกันไป ดังนี้

ทำบุญถวายดอกไม้ตามวันเกิด

วันอาทิตย์ - ถวายดอกไม้สีแดง เช่น ดอกเข็ม หรือดอกกุหลาบ
วันจันทร์ - ถวายดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม เช่น ดอกมะลิ ดอกรัก
วันอังคาร และวันศุกร์ - ถวายดอกไม้อะไรก็ได้ที่เป็นสีชมพู
วันพุธ - ถวายดอกบัว ดอกพุด
วันพฤหัสบดี - ถวายดอกไม้ที่มีสีเหลือง เช่น ดอกดาวเรือง ดอกเบญจมาศ
วันเสาร์ - ถวายดอกไม้ที่มีสีม่วง เช่น ดอกกล้วยไม้ ดอกบานไม่รู้โรย

ทำบุญถวายแสงสว่าง

การทำบุญที่จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและอุปสรรค ทำให้ชีวิตของเราราบรื่นขึ้น คือ การทำบุญถวายแสงสว่าง ไม่ว่าจะเป็นเทียน โคมไฟ หลอดไฟ ตะเกียง หรืออะไรก็ตามที่ให้แสงสว่าง เชื่อกันว่าจะทำให้ชีวิตเจอแต่ทางสว่าง หากมีปัญหาก็จะพบทางออกโดยเร็ว

ทำบุญด้วยสิ่งของที่มีความหมาย

การทำบุญด้วยชองใช้ หรือของกินต่างๆ ถือว่าได้อานิสงส์โดยตรง เราะสามารถใช้ได้ทันที ถ้าหากใครที่มุ่งเน้นการเสริมดวงเร่งด่วน แนะนำให้บริจาคของใช้ที่มีความหมาย เช่น ร่ม (ช่วยให้ชีวิตราบรื่น อยู่เย็นเป็นสุข) เสื่อ หมอน (ช่วยให้ชีวิตไร้อุปสรรค มีแต่คนสนับสนุนช่วยเหลือ) น้ำดื่ม (ช่วยให้มีชีวิตที่สดใส ไร้อุปสรรค)

สวดมนต์

การสวดมนต์ หลายคนอาจคิดว่าควรสวดแค่ก่อนนอนเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเราสามารถสวดได้ตลอดทั้งวัน ระหว่างวันที่ว่างก็สามารถสวดได้เพื่อเสริมดวงชะตา โดยบทสวดที่แนะนำในการชนะอุปสรรค และเสริมชีวิตราบรื่น คือ พระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า คาถาชินบัญชร คาถามหาจักรพรรดิ เป็นต้น โดยสามารถสวดทุกบท หรือเลือกสวดบางบทก็ได้ ซึ่งการสวดมนต์นอกจากจะเป็นการฝึกสติและสมาธิของเราแล้ว ยังเชื่อว่าเป็นการหนุนดวงของเราแบบรอบด้านได้ดีอีกด้วย

11
motor expo Tesla VS BYD King of EV car? 2 รุ่น 2 ทางเลือกที่แตกต่างเลือกคันไหนดี?

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจมากที่สุดในตอนนี้น่าจะเป็น TESLA รถจากฝั่งอเมริกาที่เป็นกระแสมาแรงและเรียกว่าเป็น "Top" ของรถยนต์ไฟฟ้าของโลกอาจจะได้ และในส่วนของฝั่งประเทศจีนนั้นก็มี BYD ที่เป็น "BIG" ของการทำระบบรถยนต์ไฟและแบตเตอรี่รายใหฐ่ของโลกเช่นกัน ซึ่งรถยนต์ทั้ง 2 รุ่นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน และยังมีความแตกต่างเรื่องของเทคโนโลยี ความสะดวกสบายและสำคัญคือ "ราคา" ที่ต่างกันพอสมควร ถ้าเป็นคุณจะเลือกคันไหนดี?
 

รถยนต์ไฟฟ้าที่นำมาเทียบกันคือ TESLA MODEL 3 PERFORMANCE และ BYD SEAL PERFORMANCE นับเป็นรุ่นท็อปสุด แรงสุดจัดเต็มสุดและราคาสูงสุดทั้งคู่ พลังกำลังไม่ต่างกันมากนักและยังมีระบบขับเคลื่อน 2 มอเตอร์หน้า- หล้งแบบ AWD เช่นเดียวกัน ทำให้เป็นคู้ต่างที่เหมาะสมกันมาก ๆ ในตอนนี้ ทางทีมงานจึงอยากนำมาวิเคราะห์เทียบเคียงกันให้รู้ไปเลยครับว่า ทั้งรุ่นนี้มีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร
 


TESLA MODEL 3 PERFORMANCE (Highland) 2.199 ล้านบาท

รูปลักษณะภายนอกของทั้ง 2 รุ่นนั้นส่วนตัวชอบส่วนหน้าของ TESLA MODEL 3 PERFORMANCE โฉมใหม่ (Project Highland) หรือที่เรียกกันว่า "Highland" นำเข้าจากโรงงาน Tesla Gigafactory Shanghai ประเทศจีน (CBU) กับราคาเริ่มต้น  2,199,000 บาท* ตาตี่เล็กลงรูปทรงดูผอมบางเพรียวสปอร์ตมากขึ้น ไฟท้ายเป็นรูปอักษรตัว "C"  หากย้อนไปจะนึกถึงไฟท้ายของ "Accord" หรือมีคนเปรียบเทียบเป็น "แม็ก" เย็บกระดาษ! 
 

TESLA MODEL 3 PERFORMANCE มีมิติรถ 4,720 x 1,933 x 1,441 มม. ฐานล้อ  2,875 มม. กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่ BeSpoke Performance Design สปอยเลอร์หลัง Carbon Fibre แบบ Built-in โลโก้ "PLAID" ที่ฝากระโปรงท้าย ล้อ Forged ขนาด 20 นิ้ว ลาย Warp Wheels ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance เตี้ยลงกว่ารุ่นปกติ 10 มิลลิเมตร ปรับปรุงแชสซีส์ใหม่ Performance Chassis ช่วงล่างแบบ Adaptive Suspension โหมดการขับขี่แบบ TRACK Mode V3 ระบบเบรก High Performances คาลิปเปอร์เบรก สีแดง เบาะนั่งแบบ Sport Seats พร้อมสัญลักษณ์ Plaid
 
ภายในตกแต่งด้วย Carbon Fibre คอนโซลหน้า ดีไซน์ใหม่ ก้านเปลี่ยนเกียร์ เป็น แบบควบคุมจากหน้าจอและปุ่มกดบนเพดานกรณีฉุกเฉิน ไฟเลี้ยวแบบปุ่มกดบนพวงมาลัยนิ้วโป้งซ้ายพร้อมแสดงภาพรถด้านข้างรถ จอกลาง Touchscreen เป็น ขนาด 15.4 นิ้ว เพิ่มจอขนาด 8 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ลำโพงจาก 17 ตำแหน่ง เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง Perforated แบบเจาะรูพร้อมระบายอากาศ Ambient Light ระบบความสะดวกสบายและปลอดภัยเต็มคันทั้งกล้องรอบคัย ระบบเตือนต่าง ๆ มากมาย
 

TESLA MODEL 3 PERFORMANCE 460 แรงม้า น้อยกว่า Seal แต่ได้แรงบิด 723 นิวตันเมตร โหดกว่า!
พลังมอเตอร์คู่ Dual Motors พละกำลัง 460 แรงม้า 723 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium-ion NMC ขนาดความจุ 79.0 kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Performance ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.1 วินาทีและทำความเร็วสูงสุด 262 กม./ชม. พร้อมกับระยะทางวิ่ง 528 km. (มาตรฐาน WLTP) หัวชาร์จ Type 2 AC 11.5 kW / CCS Combo DC Fast Charging 250 kW ถ้าใช้ Supercharger ของ Tesla เองก็ยิ่งเร็วขึ้นไปอีก
ปล.ค่าใช้จ่าย Supercharger คิดเป็นนาที 12 บาทต่อนาที และกรณีชาร์จเต็มแล้วยังไม่มาเลื่อนรถออก 24 บาทต่อนาที

ระหว่างรอคุณสามารถเล่นเกม แต่งทำนอง แกลงเพื่อนด้วยเสียงตด เปลี่ยนไอคอนรถเปลี่ยนสีรถ วาดรูปเล่น หรือเปลี่ยนเป็นโหมดครสต์มาส เล่นระบบต่างบนหน้าจอได้เยอะ และสามารถพูดกระจายเสียงสู่ภายนอกได้ด้วย รวมถึงมีโหมดแคมป์ปิ้ง สัตว์เลี้ยง "Dog Mode" ที่จะมีกล้องตรวจจับภายในรถเวลาต้องทิ้งน้องไว้ สามารถดูความเคลื่อนไหวได้บนแอฟเทสล่าอีกด้วย Camp Mode ที่จะเปิดระบบทำความเย้นและจะตรวจจับระดับแบตฯ ว่าใกล้หมดก็จะเปิดกระจกแง้ม ๆ ไว้ให้เพื่อว่าต้องปิดแอร์ และ Sentry Mode ที่จะเปิดระบบไฟใช้งานในลักษณะจอดรอไว้ และนอกจากนี้ยังมี ที่ชาร์จไร้สาย 2 ช่อง ช่างจ่ายไฟ USB-C

เรื่องสมรรถนะการขับขี่ด้านอัตราเร่งนั้นแรงดึงหน้าหงายและการควบคุมเนียน ๆ การออกตัวแรง ๆ ไม่ส่งผลให้รถส่ายหรือแกว่งเท่าไหร่นัก พวงมาลัยคมกระชับควบคุมแม่นยำ แต่น้ำหนักมากหน่อยแม้จะเลือกเป็นเบาสุดดแล้วก็ตาม แต่ก้ให้ความมั่นใจดี ส่วนช่วงล่างก็ยอมรับเลยครับว่าเกาะเป็นตุ๊กแก แน่นหนึบและนิ่งมาก ออกไปทางแข็ง ๆ เฟิรม์ ๆ แต่ไม่จุกไม่กระเด้งเท่ารถตัวแรง ๆ ในบรรดาค่ายยุโรป
 

เบาะนั่งคนขับกระชับลำตัวดี แต่ส่วนตัวรู้สึกมันแน่นไปและผิวสัมผัสมีความแข็ง ๆ แต่มีมุมอื่น ๆ ที่ชอบคือเป่าลมเย็น และสรีระท่านั่งปรับวงมาลัยและตำแหน่งเบาะให้นั่งสบายได้อย่างลงตัว ส่วนวิสัยทัศน์โดยรวมดีด้านหน้ากว้างมองเห็นโปร่งสบายลดมุมอับสายตา กระจกมองข้างขนาดกำลังดีไม่ใหญ่เกินไปมองง่ายชัดเจน
 
สิ่งที่ยังไม่ค่อยคุ้มเคยและต้องปรับตัวเยอะมาก ๆ คือ ระบบไฟเลี้ยวที่อยู่บนพวงมาลัยนี่แหละครับ ใช้ยาก ยิ่งเวลาหมุนเลี้ยวอยู่จำเป็นต้องเปิดไฟเลี้ยวนี่มี "งง" แน่นอนเพราะกลับหัวกลับหาง ควต้องใช้จนคุ้มเคยอีกหน่อย และระบบแอร์จะไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่ต้องเลือกอุณหภูมิต่ำมาก ๆ เช่น 21,22 องศาถึงจะเย็นฉ่ำ และบวกกับหลังคาแก้วที่ไม่มีตัวช่วยลดแสงแดดเลย แม้จะกัน UV กันความร้อนแต่ได้แค่ระดับนึง และยิ่งรถเทสคันนี้ไม่มีฟิลม์ยิ่งเดือด ๆ เลยครับ
 
สิ่งที่ชอบมาก ๆ คือ ความฉลาดของระบบ TESLA คันนี้ ซึ่งมีการเพิ่มเติมแพคเกจไว้แล้ว นั่นคือ ระบบ Enhanced Autopilot เพิ่ม 122,000 บาท ระบบขับขี่อัจฉริยะต่าง ๆ ความแม่นยำของระบบตรวจสิ่งกีดขวางและความสมูทในการทำงานที่เนียนมาก ๆ รวมถึง ระบบออกรถเมื่อจอดในลักษณะต่าง ๆ เนื่องด้วยเกียร์ใช้งานลำบากต้องเลื่อนบนหน้าจอ เทสล่าเลยคิดเผื่อไว้ให้ว่า หากจอดเอาหน้าเข้า เมื่อเหยียบเบรกรถจะใส่เกียร์ถอย "R" ให้อัตโนมัติทันที (เลือกเปิด-ปิดฟังก์ชั่นนี้ได้) หรือจอดท้ายเข้าก็จะใส่เกียร์ "D" ให้ทันที
 

TESLA Model 3 Performance AWD  เริ่มต้น  2,199,000 บาท*
การรับประกันรถใหม่แบบจำกัด
รถของคุณอยู่ในความคุ้มครองภายใต้การรับประกันรถใหม่แบบจำกัด ซึ่งรวมถึงการรับประกันพื้นฐานของรถแบบจำกัด การรับประกันระบบถุงลงนิรภัยแบบจำกัด และการรับประกันแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนแบบจำกัด
การรับประกันพื้นฐานของรถแบบจำกัด
การรับประกันพื้นฐานของรถแบบจำกัดจะคุ้มครองรถของคุณเป็นเวลา 4 ปีหรือ 80,000 กม. แล้วแต่ว่าจะถึงระยะใดก่อน
การรับประกันระบบถุงลงนิรภัยแบบจำกัด
การรับประกันระบบดึงรั้งเสริมแบบจำกัดให้ความคุ้มครองยานพาหานะของคุณเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 แล้วแต่ว่าจะถึงระยะใดก่อน
แบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อน
8 ปีหรือ 192,000 กม. แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน โดยมีการคงความจุของแบตเตอรี่ไว้ขั้นต่ำ 70% ตลอดระยะเวลาการรับประกัน
 
มีให้เลือก 5 สี
สีดำ Solid Black
สีขาว Pearl White Multi-Coat (+50,000 บาท)
สีน้ำเงิน Deep Blue Metallic (+50,000 บาท)
สีเทา Stealth Grey (+75,000 บาท)
สีแดง Ultra Red (+85,000 บาท)
 
Enhanced Autopilot +122,000 บาท
Navigate on Autopilot
Auto Lane Change
Autopark
Summon
Smart Summon
 
Full Self-Driving Capability +244,000 บาท
All Function of Basic Autopilot and Enhanced Autopilot
Traffic Light & Stop Sign Control
Autosteer on city streets (upcoming)
 

BYD SEAL PERFORMANCE 1,499,000 บาท
 
BYD SEAL PERFORMANCE ของดีราคาคุ้มค่า!!! รูปทรงยอมรับว่ามีความโดดเด่นตั้งแต่เปิดตัวและเป็นพิมพ์นิยมมาก ๆ ในตอนนี้ ซีดานสปอรืตไฟฟ้าได้ทั้งหรูแรงและพรีเมี่ยม ถือว่าเป้นรถฝั่ง "จีน" ที่ออกแบบมาได้ลงตัวมาก ๆ รุ่นหนึ่ง และที่สำคัญราคาคุ้มค่าเร้าใจมาก ๆ จ่ายแค่ 1.5 ล้านบาท ได้พลัง 523 แรงม้า แรงบิดระดับ 670 นิวตันเมตร AWD นับว่าคุ้มค่ามาก ๆ ในระดับนี้
 
ภายนอกไฟหน้าที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมกับไฟ LED แบบ Double-U Floating เส้น ๆ ซ้อนกันที่กันชนที่ตะโกนว่า "เราคือ ซีลนะ" ด้านข้างโค้งมนลงตัวไม่แพ้ Tesla ล้ออลัลลอยลายแปลกตา มาถึงส่วนท้ายที่ให้ความสวยงานและมีเส้นสายกับไฟท้ายที่โดดเด่นเฉพาะตัว เป็นจุดนึงที่ส่วนตัวชอบมากกว่าใน Tesla ครับ ส่วน SEAL คันนี้ก็มีโลโก้ ตัวอักษร "3.8S" ฝั่งขวาและ "AWD" ฝั่งซ้ายที่ท้ายรถ บอกถึงตัวแรงเหมือนกับเทสล่าที่มีแผ่น "สัญลักษณ์ Plaid"
 
ภายในแล้วแต่มุมมองส่วงตัวมองว่ามันเน้นสปอร์ต ซน ๆ หวืดหวามากกว่าไปทางพรีเมี่ยม มีลูกเล่นเส้นสายที่โค้งมนสลับกับจอเหลี่ยนม ๆ ที่หมุนได้แนวตั้งและแนวนอน ซึ่งอุปกรณ์เพื่อใช้งานในการขับขี่ของ SEAL นั้น นับว่าใช้งานง่ายเป็นมิตรกับผู้ขับขี่มากกว่าทั้งเรื่องสวิตช์ต่าง ๆ ที่อยู่นอกจอ ไม่ต้องพึงพาจอกลางเพียงอย่างเดียว เช่น ปรับกระจกมองข้าง ปลดล็อคประตู หรือสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า หรือเลือกโหมดขับขี่ เป็นต้น ทางด้าน SEAL ให้ความสะดวกสบายมากกว่าเยอะและไม่ต้องปรับมากนัก อันนี้ขอปรมมือให้เลยครับ
 
พวงมาลัยมีฟังก์ชั่นให้ใช้งานง่ายกว่าฝั่งของเทสล่า และเป็นเมนูที่จำเป็นและได้ใช้งานเป็นประจำ รวมถึง มีมาตรวัดคนขับ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว และมีระบบแสดงผลบนกระจกหน้า (W-HUD) ในขณะที่เทสล่าไม่มี ทำให้รู้สึกคุ้นเคยกว่า เวลามองผลการแสดงข้อมูลต่าง ๆ คุ้นตาไม่ต้องเบี่ยงสายตาไปจอกลาง และจอกลางก็มีลูกเล่นแบบหมุนได้ขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง 1080P (1920x1080) ขอบจอบาง 5.9 มม. รองรับ Apple CarPlay/Android Auto ระบบเสียง Premium acoustics มาพร้อมชุดลำโพง 12 ตัว HIFI Dynaudio Audio  และที่ฐานเกียร์ก็ยังมีคันเกียร์แบบ "คริสตัล" ที่ใช้งานง่ายมาก ๆ ทำให้เหมือนขับรถสันดาปปกติ ไม่ต้องปรับตัว แต่ไปเน้นการขับขี่ที่ปลอดภัยมากขึ้นก็พอแล้ว

สิ่งอำนวยความสะดวกเด่น ๆ คือ ระบบจดจำตำแหน่งที่นั่งเบาะคนขับ + เบาะนั่งคนขับเลื่อนอัตโนมัติเมื่อสตาร์ทและระบบระบายอากาศ ระบบอุ่นเบาะ หลังคากระจกพาโนรามิก 2 ชั้น เคลือบด้วย Silver-plated ช่วยให้การส่องผ่านแสงไม่เกิน 4.2% แสงแดดส่องผ่านได้ไม่เกิน 16% ขนาดใหญ่ถึง 1.9 ตรม. และเจ้าของรถสามารถสั่งการทำงานได้ใน BYD application และฟังก์ชั่น VTOL Function จ่ายไฟได้ 2.2kW


BYD Seal PERFORMANCE มาพร้อมระบบการช่วยเหลือขับขี่ครบถ้วนไม่แตกต่างกับในเทสล่า เช่น เตือนออกนอกเลน ควบคุมรถให้อยู่ในเลน เตือนเบรกด้านหน้า-ด้านหลัง กล้องรอบคัน เตือนมุมอับสายตา ควบคุมความเร็วแปรผัน ซึ่งก็มีแค่บางระบบอย่าง Autopilot และ Full Self-Driving ในเทสล่าที่อยากได้ต้องจ่ายเพิ่ม กว่า 4 แสนบาท และอาจจะใช้งานไม่สะดวกนักในเมืองไทย
 
BYD SEAL PERFORMANCE แรงม้าเยอะ 523 ตัว แรงบิด 670 นิวตันเมตร แต่ออกตัวแพ้ฉิวเฉียด Tesla Model 3 ที่ มีถึง 723 นัวตันเมตร
BYD SEAL Performance มีมิติรถ 4,800 x 1,875 x 1,460 มม. ฐานล้อ 2,920 มม. สมรรถนะจากพลังของ Dual mortor หน้า 214 แรงม้าและ หลัง 308 แรงม้าพลังรวมทั้งระบบ 530 แรงม้า แรงบิด 670 นิวตันเมตร 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที แต่ว่าแรงบิดยังแพ้ทาง TESLA Model 3 Performance AWD ที่ทำเวลาได้ 3.1 วินาที ระบบแบตเตอรี่ 82.56 kWh วิ่งได้ 580 ต่อชาร์จ (NEDC)  DC รองรับ 150 Kw ช่วงล่างแปรผันตามความเร็ว น้ำหนัก 2,185 กก. ล้ออัลลอย 19 นิ้ว ยางจาก Continential สมรรถนะ อัตราเร่งเร่งดีด้วยหลังติดเบาะ ช่วงล่างยังนุ่มนวล เน้นใช้งานสะดวกสบาย พวงมาลัยหนักคมกระชับ เหมาะกับสายซิ่งเน้นความแรงมาก ๆ
 
BYD SEAL PERFORMANCE ราคา 1,499,000 บาท
บริการบำรุงรักษา ค่าแรง ค่าอะไหล่ 8 ปี หรือ 160,000 กม*
รับประกันตัวรถ (Waranty) 8 ปี หรือ 160,000 กม.*
รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง 8 ปีเต็ม*
มีให้เลือก 4 สี
สีขาว Horizon White
สีดำ Quantum Black
สีเทาเข้ม Space Grey (เฉพาะรุ่น Premium RWD และ AWD Performance)
สีฟ้า Velocity Blue (เฉพาะรุ่น AWD Performance)

 
สิ่งที่ยังคาใจใน BYD SEAL คือ
ช่องวางแก้วน้ำเล็กมาก หลังคาแก้ว นั่งนาน ๆ บางคนอาจมึน ๆ เพราะแสงสะท้อน และถ้าเจอแดดแรง ๆ ก็อาจจะมีไอร้อนลอยลงมาใกล้ศีษระคนนั่ง พนักเบาะหลังตั้งชันเกินไป นั่งไม่สบาย คนตัวสุงกว่า 165 ซม. เบาะรองนั่งตอนหลังสั้นขาลอย นั่งนาน ๆ เมื่อย  การปรับช่องแอร์บังคับ ปรับทิศทางเองไม่ได้ ช่วงล่างที่ขับความเร็วสูง ๆ แล้วลอย ๆ ส่ายไม่นิ่ง ไม่หนึบ
 
แอดฯ ช้าง ฟังธง....! ใครเด่นกว่ากันแบบไม่เกรงใจ
 
ผมเชื่อว่าหลายคนคงมีความรู้สึกชื่นชอบไปทางฝั่ง TESLA มากกว่าเห็น จากสมรรถนะ ระบบต่าง ๆ รวมถึงการขับขี่ต้องยกให้เค้าครับ แต่สำหรับมองว่า การที่เราจะจ่ายเงินเยอะระดับเกิน 2 ล้านบาท เพื่อให้ได้สมรรถนะ ความเนียบและเทคโนโลยีระดับนี้ อาจดูเกินตัวมากไป ส่วนฝั่ง BYD ก็ให้สมรรถนะและฟังก์ชั่นที่ไม่น้อยหน้าเลย และเรื่องของการหารถยนต์ไฟฟ้าไว้ใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอนว่าต้องคำนึงหลายด้านเลย ในความเห็นส่วนตัวของผมเองมีมุมมองอย่างไรมาว่ากันเป็นข้อ ๆ กันเลยครับ

ภายนอก-TESLA Model 3 Performance AWD
ภาพรวมเทสล่าลงตัวกว่าเพราะ รูปทรงเตี๊ย ๆ แบบสปอร์ตถูกใจ การออกแบบได้สัดส่วนที่พอดีเพราะเน้นความเหลี่ยม ๆ คม ๆ เส้นตรง ๆ ไม่ค่อยมีมนโค้งแบบรถยนต์ยุค 90's (ความชอบส่วนตัว) ทำให้เลือกเทสล่าไปในข้อนี้ครับ
 

ภายใน-BYD SEAL AWD Performance
ภายในคงความเป็นรถยนต์ปกติเอาไว้มากที่สุดนั่นเอง ตั้งแต่มีมาตรวัดคนขับ พวงมาลัยทรงคุ้นเคย จอกลางที่มีลูกเล่นโดดเด่นและฐานเกียร์ที่ดูพรีเมี่ยมกว่าฝั่ง Model 3 เมื่อเข้ามานั่งตำแหน่งคนขับจะรู้สึกถึงความเป็นรถยนต์สไตล์สปอร์ตมาก ๆ กว่าในเทสล่าที่เรียบ ๆง่าย ๆ ดูเป็นแท่ง ๆ เหลี่ยม ๆ เส้นตรงเกินไปครับ 
 

ความสะดวกสบาย- BYD SEAL AWD Performance
ความสะดวกสบายยกให้ BYD SEAL เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย (ตามชื่อเลย) ใช้งานได้ง่าย เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ ทั้งการปรับใช้งานสวิตช์ต่าง ๆ ฟังก์ชั่นจำเป็นในการขับขี่ ที่ไม่ต้องเสียเวลาในการมองจอและต้องเกร็งมือในการ "เล็งและจิ้มนิ้ว" ให้ตรงกับปุ่มที่อยู่ในจอกลาง SEAL มีความง่าย ๆ ไม่ต่างกับรถยนต์ทั่วไป แม้กระทั่งไฟเลี้ยวยังอยู่ฝั่งขวา ในขณะที่รถแบรนด์รวมชาติอื่น ๆ อยู่ฝั่งซ้าย และในเทสล่าเองก็เป็นปุ่มกดบนพวงมาลัย
 

สมรรถนะ-TESLA Model 3 Performance AWD
เรื่องนี่ต้องยอมรับครับว่าระบบส่งกำลังและพลังแรงบิดของ Model 3 PERFORMANCE เค้ามีให้ใช้แบบล้นเหลือจริง ๆ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เฉีอนกันแค่เสี้ยววินาที และในความเร็วสูง ๆ ทำ TOP Speed ทะลุ 200 กม./ชม. ไปไกลมาก ๆ อย่างว่าแหละครับฝั่งอเมริกามีถนน Autobahn ให้ซัดกันแบบทะลุ 200 กม./ชม. สบาย ๆ โดยไม่โดนใบสั่ง!
 

ช่วงล่าง-TESLA Model 3 Performance AWD
ช่วงล่างยังเป็นของฝั่งเทสล่าครับ เพราะแน่นหนึบเกาะเป็นตุ๊กแก และนิ่งที่ความเร็วสูง ๆ มาก ขณะเดียวกันขับความเร็วต่ำ ก็ไม่กระเด้งจนจุก เรียกว่าได้ทั้ง นุ่ม หนึบ เกาะ ไปเลย ส่วนฝั่ง Seal จะเน้นไปทางการนั่งนุ่มสบายมากกว่าใช้ความเร็วสูง ๆ หากใครชอบความสบายในเมืองขับความเร็วกลาง ๆ ไม่สูงมากนัก ช่วงล่างเดิม ๆ นี้ถือว่าให้ได้ แต่ถ้าจะขับดุดัน อาจต้องระวังมากขึ้นครับ
 

ความปลอดภัย-TESLA Model 3 Performance AWD
ระบบความปลอดภัยทั้งหมดนั้น หากนับระบบพื้นฐานแล้ว มีเทียบเท่ากันเลย และในบางระบบของเทสล่า เมื่อจ่ายเงินเพิ่มเติมไป มีให้แบบจัดเต็มและฉลาดเอาเรื่อง แต่ก็อาจใช้งานได้ไม่ค่อยเสถีรตามจริง เพราะถนนในประเทศไทยและการจราจราที่มีสิ่งไม่คาดคิดเสมอ ๆ 
 

การใช้งานในระยะยาว- BYD SEAL AWD Performance
เรื่องการใช้งานระยะยาวส่วนตัวมองเรื่องของกำรไและขาดทุนเป็นหลัก หรือการซื้อรถยนต์เปรียบเป้นการลงทุนอย่างหนึ่ง ดังนั้น ถ้าเราลงทุนมากเกินความจำเป็น แม้จะให้สิ่งตอบแทนกลับมาได้กว่าเหนือกว่า แต่ก็ต้องจ่ายมากกว่าในหลาย ๆ ด้าน ทั้ง การบำรูงรักษา เช่น การเปลี่ยนยางแต่ละชุด เทสล่า ล้อขนาดใหญ่ 20 นิ้ว และจำเป็นต้องใช้ยางที่มีคุณภาพสูงตามกำลังอีกด้วย และยังรวมถึง การใช้งานอับเกรดระบบต่าง ๆ ที่ล้วนต้องเพิ่มเงินเกือยทั้งหมด แต่ฝั่ง Seal นั้น จ่ายทีเดียวจบ ได้ครบ ๆ ไม่มีให้ต้องอับเพิ่มแล้ว นับว่าใช้งานยาว ๆ แล้วน่าจะให้ความคุ้มค่ามากกว่าครับ 
 

บริการหลังขาย- BYD SEAL AWD Performance
BYD เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยเกิน 2 ปีแล้ว พร้อมกับเริ่มจัดตั้งทั้ง โรงงาน ส่วนบริการอะไหล่ หรือแม้แต่ดีลเลอร์ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อง นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ๆ ทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น รวมถึงมีโชว์รูมที่อยู่ใกล้บ้านมากกว่า อุ่นใจกว่าและปัจจุบันก็พัฒนางานบริการได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ


ราคาคุ้มค่า- BYD SEAL AWD Performance
BYD SEAL PERFORMANCE ราคา 1,499,000 บาท นับว่าให้ความคุ้มค่าต่อราคาต่อสมรรถนะและเทคโนโลยีมากกว่า Tesla Model 3 Performance ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 700,000 บาท แต่ก็เป็นอุปกรณืและรุ่นพื้นฐานที่มีแต่สีดำเท่านั้น
 

ฟันธง!...BYD SEAL PERFORMANCE
สรุปว่าส่วนตัว คิดว่า BYD SEAL PERFORMANCE คุ้มค่ากับราคาทั้งในแง้ใช้งาน การบำรุงรักษา และบริการหลังขาย ประหยัดเงินได้มาก แต่ให้สมรรถนะที่ไม่ต่างจาก TESLA MODEL 3 PERFORMANCE มากนักยังอยู่ในระดับที่รับได้สบาย ๆเลยครับ
 
เลือกตามความชอบและความพร้อมในกระเป๋าคุณ

สรุปรวมรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นอาจจะเทียบกันได้ไม่ตรงคู่มากนัก ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้ง งานประกอบ คุณภาพ ราคา ฯลฯ ที่อาจมองว่า BYD จะดูด้อยกว่า แต่ความจริงแล้ว รถทั้ง 2 รุ่นนี้มีความเหมือนกันอยู่ คือ "เป็นรถที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่แรงสะใจและยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ครบถ้วนไม่แตกต่างกันมากนัก และยังเป็นรถยนต์ซีดานที่เน้นความเป็นทั้งรถสปอร์ต รถครอบครัว ขับขี่ได้ในชีวิตประจำวัน ใครชอบคันไหน งบประมาณมากน้อยเพียงขึ้นกับความสะดวกของงบแต่ละคนเลยครับ"
 

12
คนมีรถอยากได้เงินก้อน เลือกสินเชื่อรถแลกเงินแบบไหนดี

สินเชื่อรถแลกเงิน เป็นอีกหนึ่งรูปแบบสินเชื่อที่ได้รับความนิยม เพียงแค่เป็นเจ้าของรถไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ รถบรรทุก หรือรถจักรยานยนต์ ก็สามารถใช้เล่มทะเบียนรถมาเป็นหลักประกันในการขอกู้เงินได้ และผู้กู้สามารถนำรถกลับไปใช้งานได้ตามปกติค่ะ สินเชื่อประเภทนี้จะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการผ่อนชำระที่ชัดเจน โดยสินเชื่อรถแลกเงินในปัจจุบันมีให้บริการ 2 รูปแบบ คือสินเชื่อรถแลกเงินแบบจำนำทะเบียน (โอนเล่ม) และสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่จำนำทะเบียน (ไม่โอนเล่ม) แต่ละแบบแตกต่างยังไงบ้าง ไปดูกัน!!
 

สินเชื่อรถแลกเงิน แบบจำนำทะเบียน (โอนเล่ม) :
 
ผู้กู้จะต้องใช้ทะเบียนรถของตนเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ และจะต้องโอนเล่มทะเบียนรถฉบับจริงให้กับผู้ให้บริการสินเชื่อ โดยในสมุดทะเบียนรถ จะถูกเปลี่ยนชื่อเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้สินเชื่อ โดยต้องดำเนินการกับสำนักงานขนส่งทางบก เมื่อผู้กู้ผ่อนชำระสินเชื่อหมดก็สามารถโอนกรรมสิทธิ์รถคืนมาได้
 

สินเชื่อรถแลกเงิน แบบไม่จำนำทะเบียน (ไม่โอนเล่ม) :
 
ผู้กู้จะต้องใช้ทะเบียนรถของตนเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อเช่นกัน แต่…จะเป็นเพียงการนำเล่มทะเบียนมาฝากไว้กับผู้ให้บริการสินเชื่อ โดยจะทำเป็นเอกสารโอนลอย เพื่อไว้ใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้สินเชื่อเท่านั้น ชื่อบนสมุดทะเบียนรถยังเป็นชื่อของผู้กู้เหมือนเดิม ไม่มีการโอนเปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์รถแต่อย่างใด เมื่อผู้กู้ผ่อนชำระสินเชื่อหมดก็สามารถรับเล่มทะเบียนรถคืนได้
 
 
สรุปแล้ว หากต้องการวงเงินกู้ที่สูงกว่า แนะนำให้ขอสินเชื่อรถแลกเงินแบบโอนเล่มทะเบียนค่ะ เพราะการที่ผู้กู้ยินยอมที่จะโอนเล่มทะเบียนเป็นหลักประกัน ทำให้ธนาคารปล่อยวงเงินกู้ที่สูงให้กับผู้กู้ได้ เพราะมั่นใจในหลักประกัน
 
แต่...หากต้องการเงินกู้ด่วน วงเงินไม่ต้องสูงมาก แนะนำให้ของสินเชื่อรถแลกเงินแบบไม่ต้องโอนเล่มทะเบียนค่ะ อาจจะเสียดอกเบี้ยมากกว่า แต่ก็ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการดำเนินการโอนเล่มที่กรมการขนส่งทางบก สามารถดำเนินการเรื่องขอสินเชื่อจบที่ธนาคารได้เลย
 
ใครกำลังมองหาสินเชื่อลองพิจารณาสินเชื่อรถแลกเงินเป็นอีกหนึ่งทางเลือกนะคะ ดูสินเชื่อรถแลกเงิน ที่ไหนดอกเบี้ยต่ำสุด ดูครบได้ที่นี่ หรือหากอยากได้วงเงินกู้สูงๆ จะมีวิธีการขอสินเชื่อยังไงได้อีก คลิกเลย เปิดเคล็ดลับ กู้ยังไงให้ได้วงเงินสูง!
 
ทั้งนี้ หากสนใจสินเชื่อรถแลกเงิน ควรสอบถามข้อมูล และรายละเอียดกับผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อประกอบการตัดสินใจอีกครั้งนะคะ

13
อาหารสุขภาพที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวให้ขาวใส ผิวฉ่ำโกลว์ ดูสุขภาพดี

นอกเหนือจากกิจวัตรการดูแลผิวภายนอกแล้ว ยังมีอีกแนวทางหนึ่งที่เราสามารถนำมาใช้เพื่อต่อสู้กับภาวะแก่ก่อนวัยหรือการเกิดริ้วรอยได้ ซึ่งแนวทางที่ว่านั่นก็คือการการปรับเปลี่ยนอาหาร ด้วยการจัดอาหารให้สมดุล รวมถึงเพิ่มการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเข้าไปในทุก ๆ มื้อ แบบนี้เราก็จะสามารถบำรุงผิวของเราจากภายใน ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดีได้ และยังเป็นการช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย ชะลอความชราได้อีกด้วย


8 อาหารมีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวให้ขาวใส

1. ผลไม้

    แอปเปิ้ล: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์ ส่งเสริมสุขภาพผิว
    ทับทิม: เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิว
    ผลไม้รสเปรี้ยว: มีวิตามินซีสูงเพื่อความมีชีวิตชีวาของผิว ช่วยให้ผิวขาวใส


2. ผัก

    มันเทศ: มีเบต้าแคโรทีนสูง ดีต่อสุขภาพผิว
    กะหล่ำดาว: อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิว
    บีทรูท: มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส


3. ถั่วและเมล็ดพืช

ถั่วและเมล็ดพืช อาหารมีสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิว ผิวขาว อาหารบำรุงผิว

    อัลมอนด์ : ให้วิตามินอี จำเป็นต่อการบำรุงผิว
    วอลนัท: อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
    เมล็ดเจีย: มีโอเมก้า 3 และสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเสริมความยืดหยุ่นของผิว


4. ธัญพืช

    ข้าวโอ๊ต: เต็มไปด้วยไฟเบอร์และสารอาหารเพื่อสุขภาพผิวโดยรวม
    ควินัว: ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว
    ข้าวกล้อง: ให้วิตามินบีเพื่อสุขภาพผิว


5. สมุนไพรและเครื่องเทศ

    อบเชย: มีสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพผิว
    ขมิ้น: มีเคอร์คูมินซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบบริเวณผิวหนัง
    ขิง: ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดทำให้เป็นประโยชน์ต่อผิว


6. โปรตีน

    สัตว์ปีก: ให้โปรตีนคุณภาพสูงช่วยในการซ่อมแซมผิวหนัง
    ปลาที่มีไขมัน (เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล): อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
    พืชตระกูลถั่ว (เช่น ถั่วเลนทิล ถั่วชิกพี): ให้โปรตีนจากพืชเพื่อสุขภาพผิว


7. นม ผลิตภัณฑ์นมและนมจากพืช

    กรีกโยเกิร์ต: มีโปรไบโอติกและโปรตีนที่ช่วยบำรุงผิว
    นมจากพืช (เช่น นมอัลมอนด์ นมถั่วเหลือง): อุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น วิตามินดี ที่ช่วยบำรุงผิว


8. เครื่องดื่ม

    ชาสมุนไพร (เช่น คาโมมายล์ ชาเขียว): ให้สารต้านอนุมูลอิสระและช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
    น้ำอุ่นผสมมะนาว: วิตามินซีของมะนาวจะช่วยสนับสนุนการผลิตคอลลาเจนและช่วยบำรุงผิว

14
ลงประกาศฟรี / มอเตอร์ไซด์ใหม่: ฮอนด้า Honda Lead 125 Special Edition ปี 2024
« เมื่อ: วันที่ 12 พฤศจิกายน 2024, 17:31:06 น. »
มอเตอร์ไซด์ใหม่: ฮอนด้า Honda Lead 125 Special Edition ปี 2024
62,500 บาท

ฮอนด้า Honda Lead 125 Special Edition ปี 2024
Honda Lead125 Special Edition เปิดตัวครั้งใหม่กับดีไซน์ใหม่รอบคัน ภายใต้คอนเซปต์ Minimal is The New Maximal มินิมอลที่ใช่ เป็นได้มากกว่า ด้านหน้าเพิ่มดีไซน์เส้นสายโครเมียม ตัดกับฝาครอบด้านหน้าสีดำเสริมลุคสปอร์ต ยกระดับความมินิมอลให้เท่มากขึ้น หน้าปัดเรือนไมล์ดีไซน์ใหม่ สะดุดตาด้วยชุดไฟ LED ทั้งไฟหน้าและไฟท้ายรูปทรงเรียวเข้ากับดีไซน์รถได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยความสะดวกสบายรอบคัน ทั้งช่องชาร์จไฟสำรอง USB Type C พร้อมคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ถังเติมน้ำมันด้านหน้า เปิด-ปิด ได้ง่ายช่วยให้เติมน้ำมันแบบไม่ต้องลงจากรถ ช่องเก็บของใต้เบาะแบบ Maximal จุของได้เต็มที่ สามารถใส่หมวกกันน็อคได้ถึง 2 ใบ และกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมมอบสมรรถนะการขับขี่ที่นุ่นนวล และแรงได้อย่างใจด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 125 ซีซี 4 วาล์ว เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ด้วย Emblem สีแดง Special Edition ลงตัวทุกรายละเอียดด้วยโช้ค และคาลิปเปอร์เบรคสีแดง รวมถึงล้อสีดำด้านเสริมลุคสปอร์ตให้มากกว่าเดิม ลงตัวด้วยไฟท้าย LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบมินิมอลอย่างมีสไตล์ ราคาแนะนำ 62,500 บาท

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Honda
   รุ่น                    ฮอนด้า Honda Lead 125 Special Edition ปี 2024
   ประเภทรถ           รถครอบครัวกึ่งสปอร์ต
   ปีที่เปิดตัว            2024
   ราคา                  62,500 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์         เกียร์ออโต้
   ระบบเกียร์           V-Matic แบบสายพาน (V-Belt)
   รายละเอียดเครื่องยนต์       eSP+ แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์
   ระบบระบายความร้อน        น้ำ
   ระบบสตาร์ท                  สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)     124.77 CC
   แบบเครื่องยนต์             4 จังหวะ (esp+)
   ระบบจุดระเบิด              Full Transistorized
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง     เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ E20, เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน              หัวฉีด (PGM-Fi)
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)     6 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน           ล้อหน้า เทเลสโคปิค, ล้อหลัง ยูนิตสวิง
   ระบบเบรค                  ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ไฮดดรอลิก คาลิปเปอร์สีแดง), ล้อหลัง ดรัมเบรก ()
   แบบวงล้อ                   แมกซ์
   ขนาดยาง                        ล้อหน้า 90/90-12 44J, ล้อหลัง 100/90-10 56J
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)  1,844 x 698 x 1,132
   น้ำหนักตัวรถ                     114.00 กก.

15
หมอออนไลน์: หนองในเทียม (Nonspecific urethritis/NSU/Nongonococcal urethritis/NGU)

หนองในเทียม เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยรองจากหนองในและซิฟิลิส โดยจะมีอาการคล้ายหนองใน ซึ่งเกิดจากเชื้อชนิดอื่น

สาเหตุ

เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคหนองในเทียมมีได้หลายชนิด อาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส โปรโตซัวหรือเชื้อราก็ได้ ประมาณร้อยละ 20 ของผู้ป่วยโรคนี้ยังไม่ทราบเชื้อที่เป็นสาเหตุแน่ชัด ประมาณร้อยละ 40 เกิดจากคลามีเดียทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) ซึ่งเป็นแบคทีเรีย (เชื้อนี้มีพันธุ์ย่อยอีกหลายชนิด ซึ่งบางชนิดทำให้เป็นฝีมะม่วง) ประมาณร้อยละ 30 เกิดจากเชื้อยูเรียพลาสมายูเรียไลทิคัม (Ureaplasma urealyticum)

นอกนั้นอาจเกิดจากเชื้ออื่น ๆ เช่น เชื้อโปรโตซัวที่มีชื่อว่า ทริโคโมเเนสวาจินาลิส (Trichomanas vaginalis) เชื้อไวรัสเริม เป็นต้น

ระยะฟักตัว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือนานกว่า

อาการ

ในผู้ชาย อาการมักเกิดหลังติดเชื้อประมาณ 1-4 สัปดาห์ โดยมีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะขัดและมีหนองไหล ซึ่งลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น ๆ ไม่เป็นหนองข้นแบบหนองใน และออกซึมเพียงเล็กน้อย ไม่ออกมากแบบหนองใน บางรายในระยะแรกอาจสังเกตมีอาการแสบที่ท่อปัสสาวะ และมีมูกออกเล็กน้อยเฉพาะในช่วงเช้าเท่านั้น

ถ้าให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะลงในแก้วใส แล้วใช้ไฟฉายส่องดู จะเห็นเส้นขาว ๆ คล้ายเส้นด้ายลอยอยู่

ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาการอาจเรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี

ในผู้หญิง ส่วนมากมักไม่มีอาการแสดง ส่วนน้อยอาจมีอาการตกขาว (ตรวจอาการตกขาว/คันในช่องคลอด)


ภาวะแทรกซ้อน

ในผู้ชาย อาจทำให้ท่อปัสสาวะตีบ ต่อมลูกหมากอักเสบ อัณฑะอักเสบ

ในผู้หญิง อาจทำให้เยื่อบุมดลูกอักเสบ ปีกมดลูกอักเสบ เป็นหมัน

นอกจากนี้ ทั้งสองเพศอาจทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบได้ แต่พบได้น้อยมาก

บางรายอาจเกิดกลุ่มอาการไรเตอร์ (Reiter’s syndrome) ซึ่งจะมีอาการหนองไหลจากท่อปัสสาวะร่วมกับข้ออักเสบและเยื่อตาขาวอักเสบ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ ซึ่งลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น ๆ

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการนำหนองไปย้อมสี และส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือนำไปเพาะเชื้อ


การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะขนานใดขนานหนึ่ง เช่น

    ดอกซีไซคลีน กินครั้งละ 100 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 1-2 สัปดาห์
    เตตราไซคลีน กินครั้งละ 500 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 14 วัน
    อีริโทรไมซิน กินครั้งละ 500 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 14 วัน
    ร็อกซิโทรไมซิน กินครั้งละ 150 มก. วันละ 2 ครั้ง นาน 1-2 สัปดาห์
    อะซิโทรไมซิน 1 กรัม กินครั้งเดียว
    ไมโนไมซิน (minomycin ซึ่งเป็นยาในกลุ่มเตตราไซคลีน) กินครั้งละ 100 มก. วันละครั้ง นาน 14 วัน


สำหรับหญิงตั้งครรภ์ แพทย์จะหลีกเลี่ยงกลุ่มยาเตตราไซคลีน (ได้แก่ ดอกซีไซคลีน เตตราไซคลีน ไมโนไมซิน)

ผลการรักษา หลังให้ยาปฏิชีวนะ มักจะหายเป็นปกติได้ใน 1-2 สัปดาห์


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีหนองไหลจากท่อปัสสาวะ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นหนองในเทียม ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    งดดื่มเหล้า และงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะหาย


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา 
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    มีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

การป้องกัน

หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ถ้าจะหลับนอนกับผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัย และฟอกล้างสบู่ทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยควรเจาะเลือดตรวจวีดีอาร์แอลและเชื้อเอชไอวี (เลือดบวก) ตั้งแต่ก่อนรักษาครั้งหนึ่ง และอีก 3 เดือนต่อมาตรวจอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ติดโรคซิฟิลิสหรือเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย

2. โรคหนองในเทียมอาจเป็นเรื้อรังและรักษายากกว่าหนองใน เนื่องจากส่วนใหญ่จะตรวจไม่พบเชื้อที่เป็นสาเหตุ แต่โรคหนองในเทียมที่เกิดจากเชื้อคลามีเดียมีทางรักษาให้หายขาดได้ภายใน 14 วัน ในรายที่ไม่ได้รับการรักษาร้อยละ 20-30 อาจหายได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์ และร้อยละ 60 จะหายได้ภายใน 8 สัปดาห์

3. ทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นหนองในเทียมจากเชื้อคลามีเดียอาจได้รับเชื้อระหว่างคลอด ทำให้เกิดอาการตาอักเสบหลังคลอดประมาณ 5-14 วัน แต่อาการมักจะรุนแรงน้อยกว่าตาอักเสบจากเชื้อหนองใน การรักษาให้ใช้ยาป้ายตาเตตราไซคลีน ป้ายวันละ 4 ครั้ง และให้อีริโทรไมซินในขนาด 30 มก./กก./วัน นาน 21 วัน

4. ควรแนะนำให้ผู้สัมผัสโรคไปตรวจรักษาโรคนี้พร้อม ๆ กันไปด้วย

หน้า: [1] 2 3 ... 16





















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า