แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 34
1
ลงประกาศฟรี / การจัดฟันเด็ก เจ็บหรือไม่
« เมื่อ: วันที่ 2 กรกฎาคม 2025, 20:54:16 น. »
การจัดฟันเด็ก เจ็บหรือไม่

ในเรื่องของการเข้ารับการรักษาฟันในวัยเด็ก หลายคนก็เกิดความกลัวที่เข้ารับพบกับทันตแพทย์ เพราะการเข้ารับการรักษาฟันไม่ว่าจะเป็นการถอนฟัน การอุดฟัน อาจจะทำให้เด็กรู้สึกเจ็บปวดในระหว่างการรักษา บางคนอาจจะฝังใจทำให้เกิดความกลัว ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองจึงจะต้องทำการพูดคุยหรือปลูกฝังให้เด็กได้ทราบถึงวิธีการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน ให้เด็กได้ตระหนักถึงข้อดีของการดูแลรักษาสุขภาพฟัน และให้รู้ถึงข้อเสียของปัญหาที่เกิดจากการที่เด็กดูแลสุขภาพช่องปากและฟันไม่ดี  คอยบอกให้เด็กได้ทราบว่า การที่เราจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีและแข็งแรงนั้น เราจะต้องเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง และถ้าหากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณเตือนที่กำลังบ่งบอกว่ากำลังจะมีปัญหาในเรื่องของปัญหาช่องปากและฟัน ก็จะต้องรีบเข้ารับการรักษาทันที เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต


อย่างไรก็ตาม ในวัยเด็กนั้น การเข้ารับการรักษาฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ตั้งแต่บุตรหลานของท่านมีฟันน้ำนมเลยทีเดียว เนื่องจากฟันน้ำนมนั้น มีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ อย่าคิดว่าฟันน้ำนมไม่มีความสำคัญ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ละเลยในการสอนให้บุตรหลานของท่านดูแลฟันน้ำนม เพราะคิดว่า เดี๋ยวฟันแท้ก็งอกขึ้นมา เพราะฉะนั้น ในเรื่องของการรักษาความสะอาดฟันน้ำนมในเด็ก ก็มีความสำคัญไม่แพ้ฟันแท้เลย เพราะถ้าหากฟันแท้งอกขึ้นมาแล้วเกิดปัญหาในเรื่องของรูปร่างของฟันหรือลักษณะของฟัน นั่นก็คืออุปสรรคอย่างหนึ่งในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะอาจจะทำให้บุตรหลานของท่านมีสุขภาพฟันที่ไม่ดี มีฟันผุได้ เนื่องจากรูปร่างของฟันก็ส่งผลต่อการทำความสะอาดฟันเช่นกัน ดังนั้นหากบุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของลักษณะฟัน ก็ควรที่เข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ ความร่วมมือในการเข้ารับการรักษา เพราะเด็กหลายคนอาจจะมีความกลัวในเรื่องของการเข้ารับการรักษาที่เกี่ยวกับช่องปากและฟัน อาจจะกลัวเจ็บจึงไม่ยอมที่จะเข้ารับการจัดฟัน  แถมยังทำให้มีการจำกัดในเรื่องของการรับประทานอาหารและอาจจะส่งผลต่อการทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วย ในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก เด็กๆอาจจะคิดว่า การจัดฟันนั้น ทำให้รู้สึกเจ็บปวดระหว่างการจัดฟัน ซึ่งต้องบอกเลยว่าการจัดฟันนั้น อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับผลการรักษาแล้วนั้น ถือว่าคุ้มค่ามาก และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กว่ามีความเจ็บปวดมากน้อยแค่ไหน และเราจะมีวิธี

การพูดอย่างไรเพื่อให้เด็กได้คลายความกังวลและตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากมาก ขั้นแรกอาจจะมีการตรวจเช็คประเมินช่องปาก เพื่อที่ทันตแพทย์จะได้ทำการวางแผนการรักษา หากเด็กมีฟันผุหรือปัญหาต่างๆ ก็อาจจะทำให้ทันตแพทย์พิจารณาให้เด็กเข้ารับการถอนฟันหรืออุดฟันเสียก่อน เพื่อที่ได้ไม่เกิดปัญหาระหว่างการจัดฟัน ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข้อดีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาฟันผุตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย หลังจากการเข้ารับการถอนฟัน แต่การเจ็บปวดในเรื่องของการถอนฟัน ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเจออยู่แล้ว หลังจากนั้น 2-3 วันอาการเจ็บปวดก็จะหายไป เมื่อทันตแพทย์ติดเครื่องมือการจัดฟันภายในช่องปาก ก็อาจจะทำให่รู้สึกตึงๆ ในช่วงแรก หลังจากนั้นก็จะรู้สึกชินไปเองที่มีเครื่องมืออยู่ภายในช่องปาก ต้องบอกเลยว่า การจัดฟันในเด็กนั้น ถึงแม้ว่าอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดในระยะแรก แต่ก็ถือว่าช่วยแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้อย่างดีเลยทีเดียว

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลหรือปรึกษาทันตแพทย์ที่คลินิกได้ ทางเราจะช่วยแนะนำในเรื่องของการพูดคุยกับเด็ก เพื่อให้ตระหนักถึงปัญหาในเรื่องของฟันว่าสุขภาพช่องปากและฟันถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา และทางคลินิก เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

2
ซ่อมบำรุงอาคาร: แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม แก้ไขอย่างไร

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้ หลายคนต้องอยู่บ้านเวิร์คฟอร์มโฮม ทำให้ต้องอยู่บ้านนานมากขึ้นและแน่นอนว่าบ้านไหนที่มีเครื่องปรับอากาศจะต้องถูกใช้งานบ่อยมากขึ้นด้วย ทำให้ค่าไฟพุ่งสูง ซึ่งปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานอยู่ที่บ้านนั้น ส่งผลทำให้เราต้องใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวในแต่ละวัน ทำให้เครื่องปรับอากาศมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก หลายบ้านที่มีเครื่องปรับอากาศใช้ก็ต้องหนักใจกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้าหรือค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศของเรา เพราะการทำความสะอาด แอร์ในบ้านของเรานั้นมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลรักษาความสะอาดอย่างน้อยทุกๆ 3 เดือนเพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็ม
ประสิทธิภาพและยังดีต่อสุขภาพของคนภายในบ้านด้วย

แต่ในขณะเดียวกันการใช้เครื่องปรับอากาศบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ เชื่อว่าหลายคนคงเคยพบเจอกับปัญหาแอร์ไม่เย็นและมีแต่ลมออกมา ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและเสียค่าใช้จ่ายไปแบบเปล่าประโยชน์ เพราะบางคนแม้ว่าแอร์ไม่เย็นก็ยังฝืนเปิดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งการกระทำแบบนี้จะทำให้แอร์ของเราเสื่อมสภาพหรือมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกติและต้องมาเสียค่าใช้จ่ายอีกหลายพันบาทเลยทีเดียว ดังนั้น วันนี้เราจะมาพูดถึงการแก้ไขปัญหาแอร์ไม่เย็นมีแต่ลมออกมา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของแอร์ในบ้านของเรา ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน หากฝืนใช้ต่อไปแน่นอนว่าจะทำให้แอร์ของคุณพังอย่างแน่นอน

ปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่เพียงแต่แอร์เก่าเท่านั้น บางครั้งแอร์ใหม่ที่เพิ่งซื้อมาติดตั้งแล้วใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง ลมที่ออกมาก็ไม่เย็นฉ่ำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ควรรีบตรวจสอบ และแก้ไขทันที ในเบื้องต้นเราสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองด้วยวิธีง่าย ๆ คือ การปรับโหมดการทำงานให้ถูกต้อง วิธีนี้เป็นวิธีเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด และทุกบ้านสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองว่าขณะที่เปิดใช้งานแอร์นั้น เลือกใช้โหมดการทำงานอยู่ในโหมดใด เพราะบางครั้งการตั้งค่าโหมดการทำงานของแอร์ที่ไม่ถูกต้อง ก็ส่งผลให้เกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม และ แอร์ไม่ตัด ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานของแอร์ผ่านรีโมทคอนโทรล และหนึ่งในสาเหตุของปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม

นอกเหนือจาก น้ำยาแอร์ขาด และคอมเพรสเซอร์เสีย ก็คือ แคป ซึ่งเป็นตัวเก็บประจุ เกิดความเสียหาย ลองสังเกตง่าย ๆ ว่าแคปรัน ระเบิด เสียหายหรือไม่นั่น คือ หากจับที่ตัวแคปรันแล้วมีคราบน้ำมัน หรือรู้สึกมัน ๆ ก็ให้แน่ใจได้เลยว่าเป็นเพราะแคปเกิดการเสียหาย และสาเหตุสุดท้ายคือ การไม่ล้างทำความสะอาดแอร์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้แอร์เกิดความเสียหาย

โดยเฉพาะแอร์ไม่เย็นมีแต่ลมร้อน การปล่อยให้แอร์มีคราบฝุ่นเกาะฝังแน่นสะสมในปริมาณมากทั้งภายในตัวเครื่อง และตัวคอมเพรสเซอร์ โดยที่ไม่ได้ล้างแอร์เป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้ระบบทำความเย็นของแอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แถมลมแอร์ที่ออกมายังไม่บริสุทธิ์ ส่งผลเสียต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว โดยเราควรที่จะตรวจสอบคราบฝุ่นละอองสะสม โดยการถอดหน้ากากแอร์ออก แล้วดูที่แผงฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองอากาศบริเวณด้านหน้าก็จะเห็นคราบฝุ่น และความสกปรกที่เกาะอยู่ สามารถนำแอร์ฟิลเตอร์ไปล้าง ด้วยน้ำสะอาด และใช้แปรงถูเบา ๆ เพื่อขจัดคราบฝุ่นให้หลุดออกไป แล้วตากให้แห้ง ก็จะช่วยลดฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่อยากให้เกิดปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น ก็ควรหมั่นล้างแอร์ตามระยะเวลา เพื่อให้มีความสะอาด ยืดอายุการใช้งานของแอร์และดีต่อสุขภาพของคนในบ้านด้วย

อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์โดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ  สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก  เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย

3
การสร้างอาชีพ จากไพล สมุนไพรไทยโบราณใช้ในการแพทย์แผนไทย ช่วยสมานแผล รักษาอาการเคล็ดขัดยอก

ไพลเป็นสมุนไพรไทยโบราณที่มีชื่อเสียงและมีสรรพคุณทางยาสูง ไพลเป็นสมุนไพรที่อยู่ในตระกูลขิง มีการใช้กันแพร่หลายในตำรับยาแผนโบราณของไทยมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษเพื่อรักษาโรคต่างๆ และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ไพลมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลายและถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ

ลักษณะเด่นของไพล
ไพลเป็นไม้ยืนต้นที่มีเหง้าใต้ดินคล้ายกับขมิ้นและขิง เนื้อในมีสีเหลืองอ่อนและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ไพลมีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจริญเติบโตได้ดีในเขตร้อนชื้น จึงทำให้ไพลเป็นไม้ประดับที่สำคัญในการแพทย์แผนไทย มาสำรวจประโยชน์และการใช้ประโยชน์ของสมุนไพรที่น่าทึ่งนี้กัน

ประโยชน์ของไพลต่อสุขภาพ
1. บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและการอักเสบ
ไพลมีสารสำคัญ เช่น เคอร์คูมินอยด์ และซิงกิเบอรีน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้ดี มักใช้เป็นส่วนผสมในบาล์มและน้ำมันนวดเพื่อบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ข้ออักเสบ และรอยฟกช้ำ

2. ช่วยดูแลสุขภาพทางเดินหายใจ
สรรพคุณของไพลช่วยบรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการหวัดและคัดจมูก การรักษาแบบไทยโบราณมักใช้วิธีอบไพลเพื่อสูดดมไอระเหยเพื่อบรรเทาอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

3. คุณสมบัติในการรักษาแผลและต่อต้านแบคทีเรีย
ไพลมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ ช่วยป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น บางครั้งใช้พอกบริเวณแผลหรือบริเวณที่ระคายเคืองผิวหนัง

4. ช่วยย่อยอาหาร
สมุนไพรชนิดนี้ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และอาหารไม่ย่อย สารประกอบจากธรรมชาติของไพลช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารและบรรเทาอาการท้องอืด

5. การดูแลผิว
เนื่องจากไพลมีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ จึงมักถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อลดการระคายเคืองผิวและส่งเสริมให้มีผิวพรรณสุขภาพดี

การใช้งานแบบดั้งเดิมและแบบสมัยใหม่
การใช้เฉพาะที่:ไพลเป็นส่วนผสมทั่วไปในลูกประคบสมุนไพรที่ใช้ในการนวดแผนไทย
บาล์มและน้ำมัน:ผลิตภัณฑ์ที่ผสมไพลเป็นที่นิยมในการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ
เครื่องดื่มสมุนไพร:เมื่อชงเป็นชา ไพลสามารถช่วยเรื่องการย่อยอาหารและปัญหาทางเดินหายใจได้
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง:สูตรผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางครั้งใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวของไพล

ข้อควรระวัง
แม้ว่าไพลจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง:
หลีกเลี่ยงการบริโภคมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความไม่สบายทางเดินอาหารได้
ผู้ที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตรควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนใช้
ควรทดสอบอาการแพ้เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะที่เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอาการแพ้

ไพลเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์หลากหลายและมีประวัติยาวนานในการแพทย์แผนโบราณ ไพลมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ลดการอักเสบและช่วยดูแลสุขภาพทางเดินหายใจ ทำให้ไพลเป็นยาสมุนไพรจากธรรมชาติที่มีคุณค่า การนำไพลมาใช้ในกิจวัตรประจำวันเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทาบาล์ม ชา หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สามารถเพิ่มความสมบูรณ์ของร่างกายและส่งเสริมแนวทางการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

4
ลงประกาศฟรี / townhome หรรษา ไลฟ์ เพชรเกษม 81 (Hunsa Life Petchkasem 81)
« เมื่อ: วันที่ 29 มิถุนายน 2025, 14:33:00 น. »
townhome หรรษา ไลฟ์ เพชรเกษม 81 (Hunsa Life Petchkasem 81)
เริ่มต้น 2.19 ลบ.

หรรษา ไลฟ์ เพชรเกษม 81 (Hunsa Life Petchkasem 81)
โครงการ Hunsa Life เพชรเกษม 79 ก่อสร้างด้วยอิฐมอญแดง แข็งแรง คงทน วัสดุคุณภาพสูงเกรดพรีเมี่ยม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ทุกการพักอาศัย เพียง 13 ยูนิต ปลอดค่าส่วนกลาง

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ               หรรษา ไลฟ์ เพชรเกษม 81 (Hunsa Life Petchkasem 81)
 เจ้าของโครงการ          หรรษา เรียลเอสเตท
 ราคา                      เริ่มต้น 2.19 ลบ.

 ประเภทบ้าน            ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล          บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ          2 งาน 89 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน            13 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด      1 แบบ
  เนื้อที่บ้าน             ตั้งแต่ 17.7 ถึง 31.3 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย           ตั้งแต่ 115 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                2 ชั้น
 หน้ากว้าง             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน       2 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ       2 คัน
 สาธารณูปโภค

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน          บางแค, ตลิ่งชัน, ทวีวัฒนา, ภาษีเจริญ
 ที่ตั้ง         ซอยเพชรเกษม 79 แยก 29 แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กทม. 10160

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานี(บางแค - พุทธมณฑล)(พุทธมณฑลสาย 3)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนเพชรเกษม ถนนบรมราชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ถนนเอกชัย-บางบอน ถนนพุทธสาคร ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก))

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง

ห้างสรรพสินค้า
The Mall บางแค
Big C เพชรเกษม 2
Seacon บางแค
Lotus’s บางแค
Central ศาลายา

สถานศึกษา
รร.เลิศหล้า
รร.อนุบาลเด่นหล้า
รร.สารสาสน์วิเทศ หนองแขม
ม.เอเชียอาคเนย์
ม.กรุงเทพธนบุรี
ม.สยาม

สถานพยาบาล
รพ.วิชัยเวชอินเตอร์เนชั่นแนล
รพ.เกษมราษฎร์ บางแค

5
การจัดฟันเด็ก ลดโอกาสการเกิดฟันล้มได้หรือไม่

ปัญหาฟันล้ม เป็นการเคลื่อนที่ของฟันที่ล้มหรือเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งเพื่อหาความสมดุลหรือเพื่อยึดเกาะฟันซี่ที่อยู่ข้างเคียงหรือที่เราเรียกกันว่าฟันเกนั่นเอง มักจะพบได้ในฟันซี่ที่อยู่ใกล้ ๆ ฟันที่ถูกถอนออกไปจนเกิดช่องว่างระหว่างฟันและไม่มีฟันมาทดแทน ซึ่งโดยปกติแล้วฟันของเรานั้น มีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา แต่จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และอาการฟันล้มแหล่านี้จะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น การบดเคี้ยวอาหารไม่ลงตามแนวแกนของฟัน เกิดปัญหาการสบกระแทกของฟัน หรือลามไปจนถึงอาจก่อให้เกิดโรคปริทันต์ตามมาได้ ซึ่งปัญหาฟันล้มนั้น สามารถเกิดขึ้นในเด็กได้เช่นเดียวกัน หากเด็กมีอาการฟันผุและเกิดสูญเสียฟันไป ไม่ว่าจะเป็นในช่วงของฟันน้ำนมหรือฟันแท้ ก็ทำให้เกิดฟันล้มได้ เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรที่จะดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้ดี หรือควรที่จะสอนให้เด็กแปรงฟันอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันของเด็กได้ เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตามมา

ซึ่งปัญหาฟันล้มในเด็กนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าเมื่อไหร่เด็กเกิดช่องว่างจากการถอนฟันไปก่อนวัยอันควร ในเด็กที่อายุยังไม่ถึง 12 ปี หรือในเด็กที่ฟันกรามน้อยยังไม่ขึ้น ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใส่เครื่องมือกันฟันล้ม หรือเครื่องมือกันที่ การใส่ก็ไม่ยุ่งยากและไม่เจ็บ โดยในครั้งแรกทันตแพทย์จะลองแบนด์ ซึ่งมีลักษณะเหมือนแหวนสวมไปที่ฟันที่จะใช้เป็นหลักเพื่อหาขนาดที่พอดีกับฟันซี่นั้นๆก่อน จากนั้นจึงพิมพ์ปากเพื่อจำลองแบบในปากออกมาใช้ในการทำเครื่องมืออีกที แต่การเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถป้องกันการเกิดฟันล้มได้เช่นเดียวกัน เพราะถือว่าการจัดฟันเป็นการรักษาที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นฟันล้ม ฟันเอียง ฟันเคลื่อนหรือฟันเก เป็นต้น เพราะการจัดฟันเป็นการใช้เหล็กหรือลวดดึงฟันให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหรือตำแหน่งเดิม ซึ่งการจัดฟันก็สามรถจัดได้หลายวิธีเลย แต่การจัดฟันในเด็กที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาฟันล้มในเด็ก ก็มีอยู่ 2 วิธีหลักๆ คือการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบ EF Line และการจัดฟันแบบใส่เหล็กจัดฟัน การสวมใส่เครื่องมือ EF Line นั้น สามารถแก้ไขปัญหาฟันล่างสบคร่อมฟันบน


ถ้าไม่ทำการรักษาจะทำให้ขากรรไกรเจริญผิดปกติ เช่น ขากรรไกรบนถูกจำกัดการเจริญเติบโตในขณะที่ขากรรไกรล่างเติบโตได้ ทำให้เกิดลักษณะใบหน้าเว้า และอาจทำให้เกิดความผิดปกติที่ข้อต่อขากรรไกรได้ ซึ่งอาจจะส่งผลตอการขึ้นของฟันแท้ด้วย และการจัดฟันในเด็กโดยการจัดฟันแบบสวมใส่เหล็กจัดฟัน ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันล้มได้อย่าง 100 % เพราะเครื่องมือการจัดฟัน จะทำให้ฟันเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องได้ ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันล้มในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรหมั่นดูแลความสะอาดของสุขภาพฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันปัญหาภายในช่องปากเบื้องต้นที่เราย่อมรู้กันดี เพราะการดูแลความสะอาดถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ สามรถตัดปัญหาอื่น ๆ ที่จะตามมาได้ เช่น ฟันผุจนต้องถอนฟันและนำมาซึ่งปัญหาของฟันล้ม ฟันเอียงได้นั่นเอง

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถพาเด็กๆเข้ามาปรึกษากับทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ เพราะเรามีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ยินดีให้คำปรึกษาทั้งเรื่องปัญหาฟันของเด็กและวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันให้เด็ก เพื่อที่เด็กจะได้มีความเข้าใจในการดูแลรักษาความสะอาดฟัน และจะได้มีฟันที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสมั่นใจตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

6
motor show โอโมดา แอนด์ เจคู ประเทศไทย เปิดราคา OMODA C5 EV อย่างเป็นทางการ เริ่มต้นที่ 8.99 แสนบาท

โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ที่ส่งออกรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลก เปิดตัวรถ OMODA C5 EV อย่างเป็นทางการในประเทศไทย

 ด้วยราคา 899,000 บาท สำหรับรุ่น Long Range Plus และราคา 949,000 บาท สำหรับรุ่น Long Range Ultimate พร้อมโปรโมชันและของสมนาคุณสุดพิเศษสำหรับลูกค้ากลุ่มแรกที่จอง โดยในงานเปิดตัวเดียวกัน ยังได้เผยโฉมรถ JAECOO 6 EV ออฟโรดพรีเมียมพลังงานไฟฟ้า 100% พวงมาลัยขวา รุ่นก่อนผลิตจริง (Pre-production) ครั้งแรกในโลก เพื่อให้ชาวไทยได้ยลโฉมรถรุ่นที่ทุกคนตั้งตาคอยก่อนใครก่อนเปิดราคาจริง พร้อมข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้สนใจจองสิทธิ์วันนี้เตรียมรับมอบรถตั้งแต่ตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยงานนี้ ได้รับเกียรติจาก นางสาว ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้แทนจากหน่วยงานรัฐบาลไทย เข้าร่วมอีกด้วย

 นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ยังแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพการบริการหลังการขายของทั้งสองแบรนด์ ที่พร้อมให้บริการแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ผ่านผู้จำหน่าย OMODA & JAECOO ทั่วประเทศ ที่พร้อมให้บริการทั้ง 25 แห่ง และภายในปีนี้จะขยายถึงกว่า 40 แห่ง และยังพิสูจน์ความพร้อมด้านคลังอะไหล่บนพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร และบริการหลังการขายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าชาวไทยที่สนใจรถยนต์ของ OMODA & JAECOO ทั้งนี้ รถไฟฟ้า OMODA C5 EV พร้อมให้ลูกค้าชาวไทยที่สนใจทดลองขับและจับจองเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ทั้ง 25 สาขา

 นายเฉิน ชุนชิง รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล กล่าวว่า “Chery Automobile ในฐานะบริษัทแม่ของโอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) มีประสบการณ์ด้านยานยนต์ระดับโลกมากว่า 27 ปี ที่ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไปยังกว่า 80 ประเทศทั่วโลก ขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (passenger car) รายใหญ่ที่สุดของจีน ด้วยศักยภาพและการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งเราพร้อมเติมเต็มประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น “มากกว่ารถยนต์” และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด และวันนี้ เราพร้อมแล้วที่จะส่งมอบประสบการณ์ระดับโลกเหล่านั้นแก่ลูกค้าชาวไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้แบรนด์ โอโมดา แอนด์ เจคู ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก การเข้ามาในประเทศไทยครั้งนี้ เรามุ่งส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่และอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้ทัดเทียมกับมาตรฐานระดับโลก และพร้อมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าชาวไทย”

 นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและตั้งใจสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย ผ่านการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตร และผู้แทนจำหน่ายภาคเอกชนต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทย โดย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) มีสำนักงานใหญ่อย่างเป็นทางการที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งอยู่ ณ อาคารวัน แบ็งค็อก พร้อมด้วยผู้บริหารและทีมงานคนไทย ที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง เราได้ตั้งศูนย์อบรม (Training center) ศูนย์ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (PDI Center) และคลังอะไหล่บนเนื้อที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ที่พร้อมให้บริการตั้งแต่สิงหาคมนี้หรือก่อนส่งมอบรถยนต์คันแรกของเราถึงมือผู้ขับขี่ชาวไทย เรายังมีแผนขยายศูนย์บริการและผู้จำหน่ายมากถึง 40 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปี ไม่เพียงเท่านี้ ภายในกลางปี 2568 โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จะเริ่มดำเนินการผลิตและประกอบรถยนต์ในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลางต่อไป”

 ด้าน นายพิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานฝ่ายขาย การตลาด และเครือข่ายผู้จำหน่าย บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าสำหรับรถ OMODA C5 EV จะเป็นรถไฟฟ้า 100% รุ่นแรกจากแบรนด์ โอโมดา แอนด์ เจคู ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็นสองรุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น OMODA C5 EV Long Range Plus ที่มีสี Lunar White, Space Black และ Mercury Grey ราคา 899,000 บาท และรุ่น OMODA C5 EV Long Range Ultimate ที่มีสี Lunar White (Black Roof), Space Black, Mercury Grey, Volcanic Red และ Mint Green (Black Roof) ราคา 949,000 บาท ยนตรกรรมที่ผสมผสานการออกแบบแห่งอนาคต เข้ากับ 17+1 เทคโนโลยีสุดอัจฉริยะ ADAS+DMS พร้อมทั้งฟังก์ชันความปลอดภัยและความสะดวกสบายแบบจัดเต็ม พร้อมให้ประสบการณ์ที่เป็น ‘มากกว่ารถยนต์’

ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จองและรับรถ OMODA C5 EV ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2567 เฉพาะ 1,000 คันแรก*
การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
-การรับประกันคุณภาพรถใหม่ (Warranty)
-การรับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อน (Driving motor system)
-การรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery)
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) 5 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง*
ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี*
ฟรี! โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง*
ดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 1.68%*
ของสมนาคุณสุดพิเศษ OMODA | Earthology Studio*
สินค้าไลฟ์สไตล์ให้ลูกค้าเลือกได้ 1 อย่าง ระหว่าง Apple Watch SE GPS 44 mm หรือ Harman Kardon Aura Studio 4 หรือ บัตรชาร์จไฟฟ้า มูลค่า 10,000 บาท*

 ขณะเดียวกัน ในงาน โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ยังได้เผยโฉม JAECOO 6 EV รถออฟโรดพรีเมียมพลังงานไฟฟ้า 100% เวอร์ชันพวงมาลัยขวา รุ่นก่อนผลิตจริง (Pre-production) ครั้งแรกในโลก ที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับเทคโนโลยียนตรกรรม ภายใต้คอนเซ็ปต์ OFF-ROAD TRENDY อัดแน่นไปด้วยพลังสุดแข็งแกร่งและสุนทรียะที่งดงาม ตัวถังผลิตจากอะลูมิเนียมทั้งหมด พร้อมด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟต ระยะยื่นหน้าและหลังที่สั้นทำให้การขับขี่แบบออฟโรดมีความคล่องตัวสูงไฟหน้าแบบ Headlamp Matrix Adaptive สะดุดตาส่องได้กว้างและไกลกว่า กับโหมดการขับขี่ 6 แบบที่ตอบโจทย์ทั้งการขับขี่ในเมืองและการขับขี่แบบสมบุกสมบัน

 มี 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ รุ่น JAECOO 6 EV Long Range 2WD ราคาคาดการณ์ 1,099,000 บาท และรุ่น JAECOO 6 EV Long Range 4WD ราคาคาดการณ์ 1,249,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถจองสิทธิ์ได้แล้ววันนี้ และสำหรับ 1,000 คนแรก ที่จองสิทธิ์ตั้งแต่วันนี้และรับมอบรถก่อน 30 พฤศจิกายน 2567 จะได้รับ นาฬิกา Garmin Forerunner 165 รุ่นพิเศษที่ผลิตเฉพาะลูกค้าคนไทยกลุ่มแรกเท่านั้น

 ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จองสิทธิ์ JAECOOO 6 EV และรับรถภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เฉพาะ 1,000 คันแรก*
การรับประกันครอบคลุมระยะเวลา 8 ปี หรือระยะทาง 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
-การรับประกันคุณภาพรถใหม่ (Warranty)
-การรับประกันระบบมอเตอร์ขับเคลื่อน (Driving motor system)
-การรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง (High Voltage Battery)
บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistance) 5 ปี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง*
ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 เป็นระยะเวลา 1 ปี*
ฟรี! โฮมชาร์จเจอร์ พร้อมติดตั้ง*
นาฬิกา Garmin Forerunner 165 รุ่นพิเศษ JAECOO X GARMIN

นางสาวสุชาดา ชูสงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า “วันนี้เรายังได้เปิดตัว 4EVE ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปแถวหน้าของเมืองไทยในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของรถ OMODA C5 EV ซึ่งเป็นครั้งแรกของ 4EVE กับบทบาท Brand Presenter ของรถยนต์ การได้ 4EVE มาร่วมเป็นครอบครัวเดียวกันกับ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ในครั้งนี้

 จะช่วยตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มุ่งเน้นเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ และผู้หลงใหลในความทันสมัยของเทคโนโลยีอัจฉริยะ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับความคิดสร้างสรรค์นอกกรอบ สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รุ่นใหม่นี้ รถไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะสำหรับการเดินทาง แต่ยังเป็นเครื่องบ่งบอกรสนิยม และรูปแบบการใช้ชีวิตกลุ่มผู้ขับขี่เจเนอเรชั่นใหม่ E-LOHAS หรือ E-Lifestyle on Health and Sustainability ที่ให้ความสำคัญกับการมีชีวิตที่ดีควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เปลี่ยนสู่อนาคตอย่างมีสไตล์ นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู ประเทศไทย ยังร่วมมือกับ EARTHOLOGY STUDIO แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย EARTHOLOGY STUDIO ได้ร่วมออกแบบและผลิตชุดยูนิฟอร์มรักษ์โลกที่ผลิตจากเส้นใยพลาสติกรีไซเคิลให้แก่ที่ปรึกษาการขายของเราทั่วประเทศ ซึ่งชุดยูนิฟอร์มที่ประกอบไปด้วย เสื้อโปโล เสื้อแจ็คเก็ต และกางเกงคาร์โก แต่ละชุดเทียบเท่ากับการนำขวดพลาสติกเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล 40 ขวด หรือเทียบเท่าการลดการปล่อยคาร์บอนไดซ์ออกไซด์ 25 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ (kgCO2) นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ชุดยูนิฟอร์มของเรายังสะท้อนภาพลักษณ์แบรนด์แห่งอนาคต ในขณะเดียวกัน แบรนด์ JAECOO ได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่มุ่งเน้นเข้าถึงกลุ่มคนที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบแอคทีฟไลฟ์สไตล์ โดยเป็นสปอนเซอร์หลักของงาน Garmin Run Asia Series 2024 Thailand Half Marathon ที่จะจัดขึ้นเดือนตุลาคมนี้ และยังร่วมมือผลิตนาฬิกา Garmin รุ่นเอ็กซ์คลูสีฟ JAECOO | Garmin Forerunner 165 สำหรับผู้ขับขี่ชาวไทย 1,000 คนแรกอีกด้วยค่ะ”

    สำหรับผู้สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ OMODA C5 EV และจองรถทั้ง 2 รุ่นได้แล้ววันนี้ ที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศของ OMODA & JAECOO ทั้ง 25 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั่วประเทศไทย หรือพบกับ OMODA C5 EV และ JAECOO 6 ได้ที่ เซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น G โซน B ในวันที่ 22 – 28 สิงหาคมนี้ พร้อมมั่นใจได้กับบริการหลังการขายที่ครอบคลุมครบวงจรของโอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ต่อไป

เงื่อนไข
*ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขข้างต้นโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

7
หมอออนไลน์: เส้นเอ็นอักเสบ/ปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ (Tendinitis/Tendosynovitis)

เส้นเอ็นที่พบว่าเกิดการอักเสบได้บ่อย ได้แก่ เส้นเอ็นที่ข้อไหล่ ข้อศอก ข้อมือ นิ้วมือ ข้อสะโพก และเส้นเอ็นร้อยหวาย (เอ็นส้นเท้า) บางครั้งอาจมีการอักเสบของปลอกหุ้มเส้นเอ็นร่วมด้วยเรียกว่า เอ็นและปลอกหุ้มเอ็นอักเสบ (tendosynovitis)

โรคนี้พบได้ค่อนข้างบ่อย พบมากในวัยกลางคน ผู้สูงอายุ นักกีฬา และผู้ที่ทำกิจกรรมอยู่ในท่าเดิมซ้ำ ๆ ประจำ เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่อาจเป็นเรื้อรังและทำให้ทำงานหรือเคลื่อนไหวไม่ถนัด

มีชื่อเรียกเฉพาะสำหรับการอักเสบของเส้นเอ็นตามตำแหน่งต่าง ๆ เช่น

    โรคข้อศอกนักเทนนิส (tennis elbow) เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณข้อศอก (epicondylitis) พบบ่อยในนักกีฬาเทนนิส นักกอล์ฟ ช่างไม้ ช่างทาสี
    โรคข้อไหล่นักว่ายน้ำ (swimmer’s shoulder) เป็นการอักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณไหล่ (rotator cuff tendinitis) พบบ่อยในนักว่ายน้ำ นักเทนนิส นักยกน้ำหนัก
    โรคเดอเกอร์แวง (de Quervain’s disease) หรือโรคปลอกเอ็นหุ้มข้อมืออักเสบ เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มที่ควบคุมการเคลื่อนไหวนิ้วหัวแม่มือ พบบ่อยในนักกีฬา นักดนตรี แม่บ้าน คนงาน และผู้ที่ต้องเคลื่อนไหวข้อมือ หรือใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ำ ๆ เป็นประจำ
    โรคนิ้วล็อก (trigger finger) เป็นการอักเสบของเส้นเอ็นที่บังคับการงอนิ้วมือ (digital flexor tendosynovitis) ทำให้เวลางอนิ้วแล้วเหยียดคืนให้ตรงไม่ได้ เนื่องเพราะเส้นเอ็นที่อักเสบบวมเกิดการล็อกกับปลอกหุ้มทำให้ไม่สามารถเคลื่อนนิ้วได้ พบบ่อยในนักกีฬาเทนนิส แบดมินตัน กอล์ฟ คนทำสวน และผู้ที่ใช้มือหยิบกำของแข็ง ๆ เป็นประจำ

สาเหตุ

การอักเสบของเส้นเอ็น (tendon) และปลอกหุ้ม (sheat) มักมีสาเหตุจากการได้รับบาดเจ็บ ทำงานหนัก หรือทำกิจกรรมที่มีการใช้เส้นเอ็นส่วนนั้นซ้ำ ๆ ประจำ เกิดการบาดเจ็บเรื้อรัง


อาการ

มีอาการเจ็บปวดตรงเส้นเอ็นที่อักเสบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ทำให้เส้นเอ็นส่วนนั้นถูกยืดและดึงรั้ง

อาการมักจะเป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ เช่น

โรคเดอเกอร์แวง จะมีอาการเจ็บข้อนิ้วมือด้านนิ้วหัวแม่มือเวลาเหยียดหรืองอหัวแม่มือ กวาดพื้น ยกขันน้ำ บิดผ้า เป็นต้น

โรคนิ้วล็อก จะมีอาการงอนิ้วแล้วเหยียดออกเองไม่ได้ ต้องใช้มืออีกข้างจับเหยียดขึ้น


ภาวะแทรกซ้อน

ทำให้เคลื่อนไหวข้อได้ลำบาก กระทบต่อการทำกิจวัตรประจำวัน


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

เวลาเคลื่อนไหวข้อจะเจ็บ ทำให้เคลื่อนไหวข้อได้ในขอบเขตจำกัด

เมื่อใช้นิ้วมือกดแรง ๆ จะพบจุดที่กดเจ็บ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณข้อ บางรายอาจมีอาการบวมของเส้นเอ็นส่วนนั้นร่วมด้วย

ผู้ที่เป็นโรคเดอเกอร์แวงจะมีอาการกำมือและบิดข้อมือไม่ได้

ผู้ที่เป็นโรคนิ้วล็อก จะงอนิ้ว (เช่น กำมือ) ได้เอง แต่เหยียดนิ้วที่ผิดปกตินั้นเองไม่ได้ ต้องใช้มืออีกข้างหนึ่งช่วยเหยียด


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. แนะนำให้ผู้ป่วยหยุดพักการใช้ข้อที่ปวด ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ (ในรายที่เกิดจากการบาดเจ็บเฉียบพลัน ควรใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบทันที และทำซ้ำทุก 3-4 ชั่วโมง จนพ้น 48 ชั่วโมงจึงเปลี่ยนมาประคบด้วยน้ำอุ่น) ทานวดด้วยขี้ผึ้งน้ำมันระกำหรือยาหม่อง ใช้ผ้าพันแผลชนิดยืดพันให้พอแน่น หรือใส่ปลอกรัดหุ้มพยุงข้อ (เช่น wrist support สำหรับข้อมือ, elbow support สำหรับข้อศอก) หรือใส่เฝือก

ถ้ามีอาการปวด ใช้น้ำแข็งหรือน้ำเย็นประคบ และให้กินยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก ไพร็อกซิแคม นาโพรเซน) เมื่อทุเลาปวดให้ค่อย ๆ เคลื่อนไหวบริหารข้อนั้นให้คืนสู่สภาพปกติ

2. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ หรือเป็นรุนแรง แพทย์จะให้การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด และการบำบัดด้วยคลื่นกระแทก (shock wave therapy) เพื่อลดปวดและการซ่อมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ (re-healing)

บางรายอาจต้องเอกซเรย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอื่น และดูว่ามีหินปูนหรือแคลเซียมเกาะที่เส้นเอ็นหรือไม่

ในรายที่เป็นมาก อาจต้องฉีดสเตียรอยด์ตรงบริเวณที่ปวด (การฉีดยาชนิดนี้อาจทำให้ปวดมาก บางครั้งอาจต้องผสมยาชา) ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ได้ผลดี แต่ไม่ควรฉีดเกินปีละ 2-3 ครั้ง อาจทำให้เส้นเอ็นเปื่อยฉีกขาด เกิดภาวะแทรกซ้อนยุ่งยากตามมาได้

ในรายที่เป็นเรื้อรังหรือเส้นเอ็นมีหินปูนเกาะ มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว อาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัด


การดูแลตนเอง

ถ้ามั่นใจหรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเส้นเอ็นอักเสบ ควรดูแลตนเองดังนี้

    ประคบด้วยน้ำอุ่นจัด ๆ หรือแช่น้ำอุ่นจัด ๆ ครั้งละ 15-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อลดอาการอักเสบ และใช้ขี้ผึ้งน้ำมันระกำ (salicylate ointment) หรือยาหม่องทานวด
    ใช้ผ้าพันแผลชนิดยืด (elastic bandage) พันพอแน่น หรือใส่ปลอกรัดหุ้มพยุงข้อ
    พักการใช้ข้อจนกว่าอาการปวดจะทุเลา
    ถ้าปวด ใช้น้ำแข็งประคบนาน 15-30 นาที กินยาแก้ปวด พาราเซตามอล* หรือยาที่แพทย์แนะนำ
    เมื่อเริ่มทุเลาแล้ว หมั่นบริหารข้อตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดมาก หรือเคลื่อนไหวข้อลำบาก
    ดูแลตนเอง 1 สัปดาห์แล้วไม่ทุเลา
    มีประวัติการแพ้ยา เป็นสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือผู้มีโรคตับ โรคไต หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่มีการใช้ยาหรือแพทย์นัดติดตามการรักษาอยู่เป็นประจำ
    หลังกินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

หลีกเลี่ยงการใช้งานของข้ออย่างหนัก (เช่น การบิดข้อมือ หรือกำมือแรง ๆ การเล่นกีฬาที่รุนแรง) หมั่นบริหารข้อเป็นประจำ เวลาเล่นกีฬาควรทำการอบอุ่นร่างกายก่อนเสมอ


ข้อแนะนำ

ขณะที่มีอาการเจ็บปวดเส้นเอ็น ควรพักการใช้งานให้เต็มที่และหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวในท่าที่ทำให้ปวด แต่เมื่อเริ่มทุเลาแล้ว ควรหมั่นบริหารข้อ (ตามคำแนะนำของแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด) เพื่อป้องกันไม่ให้ยึดติดและคืนสภาพปกติโดยเร็ว


8
คอนโดติดรถไฟฟ้า เสนาคิทท์ ศรีนครินทร์ - ศรีด่าน (Senakith Srinakarin - Sridan)
เริ่มต้น 1.3 ลบ. 

เสนาคิทท์ ศรีนครินทร์ - ศรีด่าน (Senakith Srinakarin - Sridan)
เตรียมพบกับ เสนาคิทท์ ศรีนครินทร์ - ศรีด่าน ออกแบบด้วยความใส่ใจ เก็บทุกรายละเอียดแม้ว่า เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในแบบฉบับ Made From Her ใกล้สถานี INTERCHANGE รถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีเขียว ใกล้ทางด่วนกาญจนาภิเษก เชื่อมต่อการเดินทางที่สะดวก ตอบโจทย์ได้ทั้งคนรุ่นใหม่ คนที่มีรายได้จำกัด ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง

 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                เสนาคิทท์ ศรีนครินทร์ - ศรีด่าน (Senakith Srinakarin - Sridan)
 เจ้าของโครงการ           เสนาดีเวลลอปเม้นท์
 แบรนด์ย่อย                 เสนา คิทท์
 ราคา                         เริ่มต้น 1.3 ลบ.
 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล                คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด             Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์           โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี             1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี               ตั้งแต่ 22.50 ถึง 44.50 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด                4 ไร่ 2 งาน 82 ตร.ว.
 จำนวนตึก                    3 อาคาร
 จำนวนชั้น                   8 ชั้น
 จำนวนห้อง                 618 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด          โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ค่าบำรุงส่วนกลาง         โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค             สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, สวนหย่อม, Co-Working Space
 
สถานที่ใกล้เคียง
 โซน             สมุทรปราการ, บางพลี, บางบ่อ, พระประแดง
 ที่ตั้ง             สุขุมวิท 113 ตำบล สำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ สมุทรปราการ 10270

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:        ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม, สถานี(แบริ่ง - บางปู)(สำโรง), ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเหลือง, สถานี(ลาดพร้าว - สำโรง)(ศรีด่าน)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
Jas Urban ศรีนครินทร์
Foodland ศรีนครินทร์
Lotus ศรีนครินทร์
Home Pro ศรีนครินทร์
Big C ศรีนครินทร์
Makro ศรีนครินทร์
Imperial world
Central Bangna
Mega Bangna
โรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา
โรงเรียนนานาชาติไทย – สิงคโปร์
โรงเรียนวัดด่านสำโรง
โรงเรียนอัสสัมชัญ สมุทรปราการ
โรงเรียนเซนต์โยเซฟ ทิพวัล
โรงเรียนบางกอกพัฒนา
โรงเรียนสตรีสมุทรปราการ
โรงเรียนลาซาล
โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์
โรงพยาบาลศิครินทร์
โรงพยาบาลเปาโล สมุทรปราการ
โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์
โรงพยาบาลไทยนครินทร์
โรงพยาบาลสมุทรปราการ

9
จัดฟันบางนา: เครื่องมือจัดฟันแบบใส มันจำเป็นกับเราจริงหรือไม่
 
หลายคนคงเคยเห็นหรือพบกันการโฆษณาของการจัดฟันแบบใส ว่ามีการใช้เครื่องมือจัดฟันแบบใส ที่จะเน้นจุดเด่นในเรื่องของนวัตกรรม ความทันสมัย เน้นความสวยงาม ทำให้รู้สึกว่า การจัดฟันแบบใสมีความสะดวกสบาย เป็นเรื่องง่ายดาย และเป็นเทรนด์เพราะมีความแตกต่างจากเครื่องมือโลหะติดแน่นทั่วไป แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ชีวิตการจัดฟันด้วยเครื่องมือแบบใส อาจไม่ได้สวยงาม


อย่างที่เราเห็นกันในโฆษณา เพราะต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาด การมีวินัยในการสวมใส่เครื่องมือ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของการจัดฟันแบบใสเลยก็ว่าได้  แม้ว่าเครื่องมือจัดฟันแบบใส จะมีข้อดีหลายอย่าง ที่เหนือกว่าเครื่องมือแบบติดแน่น แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากข้อจำกัดในการเคลื่อนฟันบางรูปแบบแล้ว ความสำเร็จในการจัดฟันด้วยเครื่องมือแบบใส ก็ยังต้องอาศัยความร่วมมือของตัวผู้เข้ารับการจัดฟันด้วย เหมือนกับเครื่องมือจัดฟันแบบอื่นอยู่ดี


แถมในบางกรณี มันอาจต้องการสูงกว่าอีกด้วย จนหลายคนที่คิดที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใสเกิดความกังวลว่า แท้จริงแล้ว เครื่องมือการจัดฟันแบบใสมีความจำเป็นของเราหรือไม่ วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ว่า แท้จริงแล้วมีความจำเป็นหรือไม่ เพื่อให้เป็นแนวทาง สำหรับใครที่กำลังคิดหรือตัดสินใจที่กำลังจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส เพื่อที่จะได้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และจะได้ทราบถึงวิธรการเตรียมตัวที่จะรับมือกับการรักษา เพื่อมีความพร้อมที่จะสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที
 
สำหรับเครื่องมือจัดฟันแบบใส ในแง่ของคนที่มีปัญหาฟันซ้อนเก ฟันยื่น ฟันสบกันแบบผิดปกติ แน่นอนว่า การเข้ารับการจัดฟันจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะเป็นตัวช่วยที่ทำหน้าที่เคลื่อนฟันไปในตำแหน่งที่เหมาะสมและถูกต้องตามที่ทันตแพทย์ได้ทำการวาางแผนเอาไว้ก่อนเข้ารับการรักษา ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันแบบใส Invisalign ทำจากพลาสติกใส เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น


ทำให้ง่ายต่อการถอดและสวมใส่เป็นอย่างมาก ซึ่งแตกต่างจากแบบเหล็กดัดฟันที่ต้องใส่ติดกับฟันตลอดเวลาและยังช่วยทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีความเพลิดเพลินกับการรับประทานอาหารได้ตามปกติ โดยไม่มีเรื่องของเครื่องมือการจัดฟันเข้ามาเป็นอุปสรรคในการรับประทานอาหาร อย่างไรก็ตาม การรักษาของด้วยการจัดฟันแบบใส ยังสามารถช่วยให้คุณเห็นภาพทุกขั้นตอนของการรักษา ทำให้ผู้เข้ารับการรักษาได้เห็นภาพของระยะเวลาในการรักษาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และยังสามารถออกแบบรอยยิ้มให้กับตัวเองได้ด้วย


นั่นหมายความว่า ผู้เข้ารับการรักษาสามารถร่วมวางแผนการรักษาร่วมกับทันตแพทย์ได้ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและเป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ อย่างไรก็ตาม  เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ถึงแม้จะมีข้อดี แต่ก็ทำให้เครื่องมือชนิดนี้เคลื่อนฟันได้จำกัด ไม่หลากหลายทิศทางเท่าเหล็กจัดฟันทั่วไป ดังนั้นปุ่ม จึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถของเครื่องมือแบบใส ปุ่มก็เปรียบเสมือนแบร็กเก็ตที่ติดบนผิวฟัน แผ่นพลาสติกใสก็เปรียบเสมือนลวด ด้วยวิธีนี้ เครื่องมือแบบใสจึงเคลื่อนฟันได้หลากหลายทิศทางขึ้น ดังนั้น ในแง่ของผู้ที่มีปัญหาฟันและมีความพร้อมในหลายๆปัจจัยในการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ก็เหมาะสมและจำเป็นต่อเรา เพราะจะช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


อย่างไรก็ตาม หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์อย่างยาวนานในด้านการจัดฟันแบบใส พร้อมทั้งทางเรายังมีเครื่องมือทางด้านทันตกรรมที่ทันสมัย มีความปลอดภัย และเรายังได้รับการรับรองสูงสุดจากทาง Invisalign ให้สามารถเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้อย่างถูกต้อง มีมาตรฐานสากล และมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้เข้ารับการจัดฟันมีความปลอดภัยในทุกขั้นตอนการรักษา และมีผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน และทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย

10
ลงประกาศฟรี / หมอออนไลน์: โรคเรื้อน (Leprosy)
« เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2025, 23:34:55 น. »
หมอออนไลน์: โรคเรื้อน (Leprosy)

โรคเรื้อน (ขี้ทูต กุฏฐัง ไทกอ หูหนาตาเล่อ โรคใหญ่ โรคพยาธิ เนื้อตาย โรคผิดเนื้อ ก็เรียก) เป็นโรคติดต่อเรื้อรังชนิดหนึ่ง โรคนี้พบได้ทุกภาคของประเทศแต่จะพบมากทางภาคอีสาน ปัจจุบันพบได้น้อยลง (ในปี 2547 พบความชุกของโรคนี้เพียง 0.23 ราย ต่อประชากร 10,000 คน)

โรคเรื้อน สามารถแบ่งออกเป็นหลายชนิด ขึ้นกับระดับความแข็งแรงของภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย ได้แก่

1. โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด (indeterminate leprosy) ซึ่งเป็นโรคเรื้อนในระยะเริ่มแรก อาการแสดงยังไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 2-3 เดือน บางรายอาจมีอาการคงที่อยู่นาน และบางรายอาจแปรเปลี่ยนเป็นโรคเรื้อนชนิดอื่น ๆ

2. โรคเรื้อนชนิดทูเบอร์คูลอยด์ (tuberculoid leprosy) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในบ้านเรา ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ขนาดปานกลาง แต่ไม่สามารถขจัดเชื้อได้หมด เชื้อโรคเรื้อนสามารถเจริญได้ช้า ๆ ทำให้ผิวหนังชาและมีการทำลายเส้นประสาทตั้งแต่ในระยะแรก โรคเรื้อนชนิดนี้จะตรวจไม่ค่อยพบเชื้อ และไม่ติดต่อไปยังผู้อื่น การอักเสบมักจะบรรเทาได้เอง ภายใน 1-3 ปี แต่อาจมีอาการพิกลพิการได้

3. โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง (borderline leprosy) ผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้น้อยกว่าชนิดที่ 2 แต่มากกว่าชนิดที่ 4 อาจตรวจพบเชื้อได้บ้าง แต่ติดต่อไปยังผู้อื่นได้ มีอาการและความรุนแรงก้ำกึ่งระหว่างชนิดทูเบอร์คูลอยด์กับชนิดเลโพรมาตัส

4. โรคเรื้อนชนิดเลโพรมาตัส (lepromatous leprosy) ผู้ป่วยไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้ หรือถ้ามีก็น้อยมาก เชื้อโรคเรื้อนสามารถแบ่งตัวเป็นล้าน ๆ ตัว แพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และตรวจพบเชื้อได้ง่าย จัดเป็นชนิดร้ายแรงและติดต่อได้ง่ายที่สุด เส้นประสาทจะถูกทำลายในระยะท้ายของโรค

นอกจากนี้ยังมีชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ (borderline-tuberculoid) มีความรุนแรงอยู่ระหว่างชนิดที่ 2 และ 3 และชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส (borderline-lepromatous) มีความรุนแรงระหว่างชนิดที่ 3 และ 4

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อโรคเรื้อน ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่มีชื่อว่าไมโคแบคทีเรียมเลเพร (Mycobacterium leprae) เชื่อว่าติดต่อโดยการสัมผัสทางผิวหนังหรือสูดเข้าทางเดินหายใจ โรคนี้ติดต่อกันได้ยาก จะต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อนระยะติดต่อเป็นเวลานาน ๆ จึงจะรับเชื้อเข้าร่างกาย

ระยะฟักตัว เฉลี่ย 3-5 ปี (ต่ำสุด 6 เดือน และนานสุดเป็นเวลาหลายสิบปี)

ผู้ที่รับเชื้อโรคเรื้อน ไม่จำเป็นจะต้องกลายเป็นโรคเรื้อนทุกราย ทั้งนี้ขึ้นกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย ถ้าภูมิคุ้มกันเป็นปกติ มักจะหายได้เองหรือมีอาการอย่างอ่อน (ไม่ร้ายแรง) แต่ถ้าภูมิคุ้มกันผิดปกติ ก็อาจเป็นโรคชนิดร้ายแรงได้

อาการ

ระยะแรก (โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด) ผิวหนังจะเป็นวงขาวหรือสีจาง ขอบไม่ชัดเจน ผิวหนังในบริเวณนี้จะมีขนร่วงและเหงื่อออกน้อยกว่าปกติ แต่ยังไม่ค่อยรู้สึกชาและเส้นประสาทเป็นปกติ มักจะพบที่หลัง ก้น แขนและขา ระยะนี้อาจหายได้เอง หรืออาจมีอาการเปลี่ยนแปลงเป็นโรคเรื้อนชนิดอื่น

โรคเรื้อนชนิดทูเบอร์คูลอยด์ ส่วนมากจะมีผื่นเดียวเป็นวงขาว หรือสีจางขอบชัดเจน หรือเป็นวงขาว มีขอบแดงนูนเล็กน้อย หรือเป็นวงขาว ขอบนูนแดงหนาเป็นปื้น อาจมีสะเก็ดเล็กน้อยหรือไม่มีก็ได้ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-10 ซม. ตรงกลางผื่นจะไม่มีขน ไม่มีเหงื่อ และชา (หยิกหรือใช้เข็มแทงไม่เจ็บ หรือใช้สำลีแตะไม่มีความรู้สึก) พบบ่อยที่บริเวณหน้า ลำตัวและก้น โรคเรื้อนชนิดนี้จะตรวจไม่พบเชื้อ

บางครั้งอาจตรวจพบเส้นประสาทบวมโตที่ใต้ผิวหนังในบริเวณที่เป็นโรค หรืออาจคลำได้เส้น ประสาทอัลนา (ulnar nerve) ที่บริเวณด้านในของข้อศอก หรือเส้นประสาทที่ขาพับ (peroneal nerve) ตรงบริเวณใต้หัวเข่าด้านนอก หรือเส้นประสาทใหญ่ใต้หู (great auricular nerve) ตรงด้านข้างของคอ จะมีลักษณะเป็นเส้นแข็ง ๆ และอาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ส่วนมากจะตรวจพบเส้นประสาทบวมโตเพียงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกายเท่านั้น

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ อาการทางผิวหนังคล้ายกับชนิดทูเบอร์คูลอยด์ แต่จะมีจำนวนผื่นมากกว่า การตรวจเชื้อจากผิวหนังพบได้บ้าง แต่ไม่มากนัก

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง ผิวหนังขึ้นผื่นเป็นวงแหวนหรือวงรี ขอบนูนแดงหนาเป็นมัน ขอบในชัดเจนกว่าขอบนอก ตรงกลางผื่นจะไม่มีขน ไม่มีเหงื่อแบบเดียวกับชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และจะชาน้อยกว่าชนิดทูเบอร์คูลอยด์ การตรวจเชื้อจากผิวหนังพบได้บ้างแต่ไม่มากนัก

โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส และชนิดเลโพรมาตัส จะมีลักษณะคล้ายกัน ต่างกันที่จำนวนและการกระจายของรอยโรค และจำนวนเชื้อที่ตรวจพบจากผิวหนังหรือเยื่อบุจมูก

ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นผื่นแดง ขอบเขตไม่ชัดเจนแล้วต่อมาจะหนาเป็นเม็ด เป็นตุ่มหรือเป็นแผ่น ผิวมักแดงเป็นมันเลื่อม ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่ชา ผื่นตุ่มเหล่านี้จะขึ้นกระจายทั้ง 2 ข้างของร่างกาย พบบ่อยตามใบหน้า ใบหู ข้อศอก ข้อเข่า ลำตัว และก้น ขนคิ้วส่วนนอก (ส่วนหางคิ้ว) มักจะร่วง และขาบวม

ในระยะท้ายของโรค ผิวหนังจะเห่อหนา มีลักษณะหูหนาตาเล่อ และมีเส้นประสาทบวมโตพร้อมกันทั้ง 2 ข้างของร่างกาย เส้นประสาทที่พบได้บ่อย ได้แก่ เส้นประสาทอัลนา และเส้นประสาทใหญ่ใต้หู ทำให้มีอาการชา นิ้วมือนิ้วเท้างอ เหยียดไม่ออก มือหงิก เท้าตก นิ้วกุด หรือตาบอด

เยื่อบุจมูกมักมีอาการอักเสบตั้งแต่ในระยะแรก ๆ (มีอาการคันจมูก น้ำมูกมีเลือดปน) ต่อมาจะมีแผลเปื่อยที่ผนังกั้นจมูก จนทำให้จมูกแหว่ง นอกจากนี้ก็ยังมักจะมีการอักเสบของกระจกตา และเยื่อบุในช่องปากร่วมด้วย

โรคเรื้อนชนิดนี้ มักตรวจพบเชื้อจำนวนมาก แพร่กระจายโรคให้ผู้อื่นได้ง่าย มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจตายภายใน 10-20 ปี


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าไม่ได้รับการรักษา เส้นประสาทจะถูกทำลายทำให้มือเท้าชา กล้ามเนื้อมือเท้าอ่อนแรง กล้ามเนื้อฝ่ามือและหลังมือลีบ ข้อมือตก เดินเท้าตก

ถ้าเส้นประสาทที่หน้าเสีย จะทำให้หลับตาไม่ได้ ทำให้ตาอักเสบเป็นแผลกระจกตาและตาบอดได้

ผู้ป่วยมักมีแผลเปื่อยที่มือเท้า เนื่องจากมีอาการชา และอาจทำให้นิ้วมือนิ้วเท้ากุดหายไปได้

ในรายที่เป็นโรคเรื้อนชนิดเลโพรมาตัส อาจติดเชื้อวัณโรคได้ง่าย เนื่องจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ

นอกจากนี้อาจมีการทำลายของกระดูก เป็นหมัน เนื่องจากอัณฑะฝ่อ หรือมีอาการทางไตร่วมด้วย


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ และจะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยทำการขูดผิวหนัง ใส่บนแผ่นกระจกใส และย้อมด้วยสีแอซิดฟาสต์ (acid fast stain) เช่นเดียวกับการตรวจเชื้อวัณโรค ถ้าเป็นชนิดเลโพรมาตัสและชนิดก้ำกึ่ง มักจะพบเชื้อโรคเรื้อน แต่ถ้าเป็นชนิดทูเบอร์คูลอยด์ อาจตรวจไม่พบเชื้อ

นอกจากนี้ อาจทำการผ่าตัดชิ้นเนื้อของผิวหนังและเส้นประสาทที่บวมโตไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ เรียกว่า การตรวจชิ้นเนื้อ (biospy)

หรืออาจทำการทดสอบทางผิวหนัง เรียกว่า การทดสอบเลโพรมิน (lepromin test) ซึ่งจะให้ผลบวกในผู้ป่วยชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และให้ผลลบในผู้ป่วยชนิดเลโพรมาตัส


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้ยารักษาโรคเรื้อน ซึ่งมีให้เลือกใช้ 3 ชนิดได้แก่ แดปโซน (dapsone) หรือดีดีเอส (diaminodiphenyl sulphone/DDS) ไรแฟมพิซิน (rifampicin) และโคลฟาซิมีน (clofazimine) โดยเลือกใช้ให้เหมาะกับชนิดและความรุนแรงของโรค ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้

1. ประเภทที่ตรวจไม่พบเชื้อ หรือเชื้อน้อยมากจนตรวจไม่พบ ได้แก่ โรคเรื้อนไม่ทราบชนิด ชนิดทูเบอร์คูลอยด์ และชนิดก้ำกึ่ง-ทูเบอร์คูลอยด์ ให้ยาแดปโซน วันละครั้งทุกวันร่วมกับไรแฟมพิซิน เดือนละครั้ง นาน 6 เดือน ถ้าครบ 6 เดือนแล้วตรวจพบว่ามีอาการกำเริบ ให้การรักษาต่ออีก 6 เดือน

หลังจากนั้นควรตรวจร่างกายและตรวจเชื้ออย่างน้อยปีละครั้ง เป็นเวลา 3 ปี

2. ประเภทเชื้อมาก ได้แก่ โรคเรื้อนชนิดก้ำกึ่ง ชนิดก้ำกึ่ง-เลโพรมาตัส และชนิดเลโพรมาตัส ให้ไรแฟมพิซิน ร่วมกับโคลฟาซิมีนเดือนละครั้ง และให้แดปโซนร่วมกับโคลฟาซิมีนวันละครั้งทุกวัน อย่างน้อย 2 ปี จนกว่าตรวจไม่พบเชื้อและอาการไม่กำเริบ

หลังจากนั้นควรตรวจร่างกายและตรวจเชื้ออย่างน้อยปีละครั้ง เป็นเวลา 5 ปี


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคเรื้อนมานาน และพบว่าผิวหนังเป็นวงขาวหรือสีจาง หรือเป็นวงขาวขอบนูนแดงหนาเป็นปื้น ตรงกลางผื่นไม่มีขนไม่มีเหงื่อ และมีอาการชา ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเรื้อน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ถ้ามีอาการชาของมือเท้า ควรระวังอย่าถูกของร้อน (เช่น บุหรี่ เตาไฟ น้ำร้อน) หรือของมีคม ควรใช้ผ้าพันมือเวลาทำงาน และสวมรองเท้าเวลาออกนอกบ้าน
    ผู้ป่วยควรนอนแยกต่างหากจากผู้อื่น และอย่าใช้เสื้อผ้าและของใช้ร่วมกับผู้อื่น


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มือเท้าชา หรืออ่อนแรง
    มีไข้ ไอเรื้อรัง ไอออกเป็นเลือด น้ำหนักลด
    หลับตาไม่ได้ หรือปวดตา ตาแดง น้ำตาไหล
    เกิดแผลเปื่อยที่มือและเท้า
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีไข้ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว ตาเหลืองตัวเหลือง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. อย่าอยู่ใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับผู้ป่วยระยะติดต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีเด็กอยู่ในบ้านเดียว กับผู้ป่วย ควรแยกเด็กออกต่างหาก อย่าให้อยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย จนพ้นระยะติดโรค (ตรวจไม่พบเชื้อบนผิวหนังของผู้ป่วย)

2. อย่าใช้เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว และของใช้ร่วมกับผู้ป่วย

3. หมั่นตรวจดูอาการทางผิวหนังของสมาชิกทุกคนในครอบครัวของผู้ป่วย ถ้ามีอาการน่าสงสัย ควรรีบไปตรวจที่โรงพยาบาล


ข้อแนะนำ

1. โรคเรื้อนเป็นโรคที่มีทางรักษาให้หายขาดได้ และถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะสามารถป้องกันมิให้เกิดความพิการได้ ผู้ป่วยควรกินยาตามแพทย์สั่งเป็นประจำอย่าหยุดยาเองจนกว่าแพทย์จะบอกให้เลิก และถ้ามีบาดแผลเกิดขึ้นควรรีบหาหมอโดยเร็วอย่าปล่อยให้ลุกลามจนพิการ

2. ถึงแม้จะรักษาให้พ้นระยะติดต่อ (เชื้อในร่างกายหมดไป) แต่ความพิการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มักจะเป็นอย่างถาวร แพทย์อาจแก้ไขด้วยการทำศัลยกรรมตกแต่งหรือวิธีการทางการแพทย์บำบัดต่าง ๆ

3. โรคเรื้อนไม่ใช่โรคกรรมพันธุ์ที่ติดไปชั่วลูกชั่วหลาน แต่เป็นโรคติดเชื้อที่ติดต่อได้ยากถ้ามีพ่อหรือแม่เป็นโรคเรื้อน หากแยกลูกอย่าให้ใกล้ชิดด้วยจนกว่าจะพ้นระยะติดต่อ ลูกก็จะไม่เป็นโรคนี้

4. โรคเรื้อนไม่ได้ติดจากสุนัขขี้เรื้อน ไม่ได้เกิดจากการร่วมประเวณีกับผู้หญิงที่มีประจำเดือน ไม่ติดต่อทางอาหารและน้ำ หรือเกิดจากการกินของแสลง เช่น หูฉลาม เป็ด ห่าน เป็นต้น

11
โรงงานไม่ติดฉนวนกันความร้อน ระวังทำผิดกฎหมาย

ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมหลาย ๆ คน อาจจะรู้สึกว่าปัญหาความร้อนในโรงงานนั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่ากับปัญหาเสียงดังจากเครื่องจักร เพราะปัญหาเสียงดังเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนได้ง่ายมากกว่า เนื่องจากเสียงดังออกไปสร้างความรบกวนภายนอก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาโรงงานร้อนเกินไป ก็มีกฎหมายกำหนดไว้เช่นกัน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขให้ระดับความร้อนไม่เกินมาตรฐาน มิเช่นนั้นจะถือว่าทำผิดกฎหมายได้ โดยหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ ก็คือการติดตั้ง ฉนวนกันความร้อน

โรงงานร้อนเกินไป มีผลเสียอะไรบ้าง?

เหตุผลที่ทำให้ต้องมีการออกกฎหมายควบคุมระดับความร้อนภายในสถานประกอบการก็เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงงาน เพราะหากทำงานภายใต้ความร้อนที่สูงเกินไป จะส่งผลต่อการเจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุจนเป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตได้

ซึ่งหากมีการตรวจสอบแล้วพบว่าโรงงานร้อนเกินมาตรฐาน ผู้ประกอบการต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงทันที และหากยังไม่สามารถปรับปรุงแก้ไขให้โรงงานเย็นลงได้ ก็ต้องมีประกาศแจ้งพนักงานให้ทราบว่าบริเวณนั้น ๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของพนักงานได้

รวมถึงยังต้องจัดหาอุปกรณ์ป้องกันให้พนักงานสวมใส่ในขณะที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงด้วย และนอกจากโรงงานร้อนจะเป็นปัญหาโดยตรงต่อความปลอดภัยของพนักงานแล้ว ก็ยังส่งผลกระทบอื่น ๆ ต่อการดำเนินกิจการแบบที่หลายคนอาจไม่คาดคิดมาก่อน ดังต่อไปนี้

    พนักงานปฏิบัติงานได้ไม่เต็มที่เพราะร่างกายไม่แข็งแรง ทำให้ทำงานได้ล่าช้ากว่าปกติ
    เกิดอุบัติเหตุ ทำงานผิดพลาดเนื่องจากความร้อน ทำให้งานเสียหาย
    สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าปกติ เพราะอากาศภายในโรงงานร้อน เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก
    เครื่องจักรต่าง ๆ ทำงานหนักขึ้น เสี่ยงอายุการใช้งานสั้นลง ต้องซ่อมบำรุงบ่อยขึ้น
    เกิดข้อพิพาททางกฎหมาย หากพนักงานร้องเรียนเนื่องจากไม่ได้รับความปลอดภัยในการทำงาน


ทำไมฉนวนกันความร้อน จึงตอบโจทย์กับการแก้ปัญหาโรงงานร้อนเกินไป

ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการแก้ไขปัญหาโรงงานร้อนนั้นทำได้หลายวิธี อาทิ การสร้างและออกแบบโรงงานให้มีการระบายความร้อนได้ดี การจัดสภาพแวดล้อมรอบนอกโรงงานให้ช่วยลดความร้อนสะสมในโรงงาน เป็นต้น แต่วิธีดังกล่าวเหล่านี้ทำได้ยาก และใช้งบประมาณสูง เพราะการปรับโครงสร้าง หรือจัดระเบียบการระบายความร้อนนั้น ควรได้รับการออกแบบตั้งแต่แรกเมื่อครั้งสร้างโรงงาน

ดังนั้น การติดตั้งฉนวนกันความร้อน จึงตอบโจทย์มากที่สุด โดยสามารถเลือกติดตั้งได้หลายจุดที่เป็นต้นเหตุของความร้อนสะสมภายในโรงงาน เช่น ติดตั้งฉนวนกันความร้อนสำหรับหลังคาโรงงาน ติดตั้งฉนวนกันความร้อน สำหรับห้องเครื่องจักรที่ใช้ความร้อนสูง หรือ ติดตั้งฉนวนกันความร้อนสำหรับระบบปรับอากาศ ที่มีการเกิดความร้อนสะสมจากการทำงานความเย็น เป็นต้น


ฉนวนกันความร้อน ทำไมจึงตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการโรงงานทุกประเภท

ในการเลือกฉนวนกันความร้อน สำหรับแก้ไขปัญหาโรงงานร้อนเกินไปนั้น จำเป็นต้องเลือกฉนวนที่มีคุณภาพ และเลือกใช้บริการติดตั้งจากช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อให้การวางแผน คำนวณปริมาณการใช้งานฉนวนนั้นเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโรงงานร้อนได้จริง โดยการเลือกใช้บริการฉนวนกันความร้อน นั้น มีข้อดีที่ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการโรงงานทั่วประเทศ ดังต่อไปนี้

    เนื้อฉนวนแข็งแรง ทนทาน คุณภาพดี อายุการใช้งานยาวนาน
    มีค่าการนำความร้อนต่ำ ลดความร้อนสะสมภายในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทนต่อแรงกด ดึง กระแทก ทำให้ฉีกขาดง่าย
    มีฉนวนให้เลือกใช้งานครบทุกประเภท ทั้งงานหลังคา งานห้องเครื่องจักร งานทนอุณหภูมิสูง งานระบบปรับอากาศ
    มีบริการจำหน่าย ตรวจสอบ วางแผนติดตั้งให้ครบวงจร
    ฉนวนทุกประเภทปลอดภัย ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ASTM E84 และ BS476 และได้รับการรับรองการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพโดย IARC ของ WHO

โรงงานอุตสาหกรรม ถือเป็นสถานประกอบการขนาดใหญ่ ที่มีการปฏิบัติงานที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม สังคมชุมชน และคนทำงานในพื้นที่โดยตรง ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลคุณภาพชีวิตพนักงาน คุณภาพชีวิตคนในชุมชนอย่างเคร่งครัดตามกฎหมาย เพื่อให้เป็นโรงงานที่น่าเชื่อถือ และไม่ต้องเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาร้องเรียนตามมาภายหลัง

โดยปัญหาโรงงานร้อนเกินไป ก็เป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลต่อความปลอดภัยของพนักงาน และส่งผลต่อการดำเนินกิจการโดยตรงด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสามารถแก้ไขได้ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่ติดตั้งฉนวนกันความร้อนในบริเวณที่เป็นสาเหตุหลักเท่านั้นเอง

12
การให้อาหารสายยาง ใส่สายยางอยู่ในร่างกายนานๆจะเกิดข้อเสียอะไรหรือไม่

การให้อาหารทางสายยางในผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ แน่นอนว่าจะต้องมีความจำเป็นในเรื่องของการรักษาความสะอาด รวมไปถึงอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยก็เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ดูแลจะต้องคำนึงถึง การให้อาหารทางสายยาง ผู้ป่วยจะต้องติดสายยางให้อาหารโดยสายยางให้อาหารนั้นจะถูกสอดผ่านเข้าร่างกาย ไม่ว่าเป็นตำแหน่งจมูกหรือบริเวณหน้าท้อง ใส่สายยางให้อาหารอยู่ในร่างกายของผู้ป่วย

หากอยู่ไปนานๆจะเกิดข้อเสียต่อร่างกายผู้ป่วยได้ หากสายยางลื่น และเกิดหลุดออกจากตำแหน่งของ-กระเพาะอาหาร ทำให้ผู้ดูแลจะต้องใส่ใหม่หรือ การให้อาหารทางจมูก อาจจะทำให้ผู้ป่วยเกิดไซนัสอักเสบได้ เนื่องจากให้เกิดการระคายเคืองของเยื่อบุจมูกข้างนั้นๆ นอกจากนี้สายยางอาจทำให้เกิดคออักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบได้อีกด้วย จึงต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ สายยางให้อาหารอาจไปทำให้เกิดการระคายเคืองที่รูเปิดของท่อปรับความดันของหูชั้นกลาง ซึ่งอยู่ด้านหลังของโพรงจมูก และก่อให้เกิดหูอื้อหรือก่อให้เกิดหูชั้นกลางอักเสบได้ ผู้ป่วยบางรายอาจรู้สึกว่ากลืนน้ำลายได้ไม่ปกติ เนื่องจากสายยางนั้นค้ำอยู่ในหลอดอาหาร, อาหารบางส่วนอาจย้อนจากกระเพาะอาหารขึ้นมาในคอหอยได้ เห็นมั้ยว่า การที่สายยางให้อาหารเข้าไปอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยนานๆ ก็ส่งผลเสียต่อระบบร่างกายได้หลายอย่าง ดังนั้นผู้ดูแลจะต้องมีความรู้เรื่องของการให้อาหารผู้ป่วยทางสายยางมากพอสมควร เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดที่จะส่งผลเสียต่อผู้ป่วย

นอกจากสายยางให้อาหารแล้ว พลาสเตอร์ที่ติดเพื่อยึดให้สายยางอยู่กัลที่ ก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ผู้ดูแลจะต้องเปลี่ยนพลาสเตอร์ทุกวัน เพื่อเป็นการสังเกตรอยกดทับระหว่างสายยางกับตำแหน่งที่ให้อาหาร หากมีความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของสายยาง หากมีการให้อาหารบริเวณหน้าท้อง ที่ส่งตรงไปยังกระเพาะอาหาร ควรที่จะทำความสะอาดแผลบริเวณหน้าท้องทุกวัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ผู้ดูแลควรสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิดด้วย

13
โรคความดันโลหิตสูง… จำเป็นแค่ไหน ที่ต้องรักษา

โรคความดันโลหิตสูง นับเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ เพราะไม่ค่อยแสดงอาการให้เห็น ซึ่งข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าจำนวนผู้ป่วยและอัตราการเสียชีวิตของคนไทยจากโรคนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แบบไหนเรียก “ความดันโลหิตสูง”
Hypertension หรือ High Blood Pressure เป็นภาวะที่ความดันเลือดภายในหลอดเลือดแดงสูงกว่าปกติ โดยคนปกติจะมีความดันโลหิตไม่เกิน 120/80 มิลลิเมตร ขณะที่ความดันโลหิตสูงกว่า 140/90 จะเรียกว่าความดันโลหิตสูง หากเป็นแล้วไม่ได้รับการวินิจฉัยและตรวจรักษาแล้วล่ะก็ อาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้

หากมีอาการแบบนี้…รีบพบแพทย์ด่วน
คนที่ป่วยเป็นโรคนี้มักไม่รู้ตัวเพราะไม่มีอาการแสดงให้เห็น ยกเว้นผู้ป่วยที่อยู่ในระยะรุนแรงจนเส้นเลือดตีบหรือแตก อาจมีอาการปวดศีรษะรุนแรง มึนงง เหนื่อยง่าย หายใจถี่หรือสั้นกว่าปกติ ตามัว และเลือดกำเดาไหล ทั้งนี้คุณต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์เท่านั้น จึงจะบอกได้ว่าป่วยเป็นโรคนี้หรือไม่

เป็นแล้วไม่รักษา…โรคแทรกซ้อนที่ตามมาก่ออันตรายถึงชีวิต
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่ไม่ได้รับการรักษา แรงดันเลือดจะไปทำลายผนังหลอดเลือดและอวัยวะที่สำคัญทั่วร่างกายจนเกิดอาการและโรคต่างๆ เช่น เส้นเลือดตีบ เส้นเลือดแข็ง เส้นเลือดแตก ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหัวใจ โรคหัวใจโต โรคไตเสื่อม ไตวาย รวมถึงเส้นเลือดแขนขาลีบ ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนนั้นๆจนกล้ามเนื้อตาย ต้องตัดอวัยวะเหล่านั้นทิ้ง ทั้งยังส่งผลให้จอประสาทตาเสื่อมได้อีก

ดูแลตัวเองอย่างไร…เมื่อความดัน(โลหิต)สูง
ก่อนอื่นต้องบอกว่าโรคนี้รักษาไม่หาย ผู้ป่วยต้องกินตาคุมอาการไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน นอกจากกินยาแล้วยังต้องดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ลดอาหารที่มีรสเค็ม งดแครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควมคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน พยายามไม่เครียด และตรวจวัดค่าระดับความดันโลหิตอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

14
บ้านใหม่ 2025 ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ จามเทวี - ลำปาง (Supalai Palm Springs Chamadevi - Lampang)
เริ่มต้น 5.35 ลบ. - 10 ลบ.

ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ จามเทวี - ลำปาง (Supalai Palm Springs Chamadevi - Lampang)
ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ จามเทวี-ลำปาง บ้านเดี่ยวโครงการใหม่จาก ศุภาลัย ภายใต้แนวคิด "สัมผัสประสบการณ์ใหม่ แห่งการอยู่อาศัย เพื่อความภาคภูมิใจของการใช้ชีวิต" มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 24 ชั่วโมง

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ                  ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์ จามเทวี - ลำปาง (Supalai Palm Springs Chamadevi - Lampang)
 เจ้าของโครงการ            ศุภาลัย
 แบรนด์ย่อย                  ศุภาลัย ปาล์มสปริงส์
 ราคา                        เริ่มต้น 5.35 ลบ. - 10 ลบ.
 ประเภทบ้าน                บ้านเดี่ยว
 ลักษณะทำเล              บ้านลักษณะทำเลอื่น
 พื้นที่โครงการ              25 ไร่ 1 งาน 26 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน                 94 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด           4 แบบ
  เนื้อที่บ้าน                 ตั้งแต่ 60 ถึง 114 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย               ตั้งแต่ 208 ถึง 330 ตร.ม.
 จำนวนชั้น                  2 ชั้น
 หน้ากว้าง                 โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน            4 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ         ตั้งแแต่ 2 ถึง 3 คัน
 สาธารณูปโภค          สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ (และ สระว่ายน้ำสำหรับเด็ก), ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (จากุซซี่, ระบบสแกนป้ายทะเบียน เข้า-ออกโครงการ), สนามเด็กเล่น, Co-working space, Home Automation

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน        เมืองลำปาง
 ที่ตั้ง       ถนนจามเทวี ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง 52100

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนจามเทวี, ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ลำปาง-งาว, ถนนพหลโยธิน)
ขนส่งอื่นๆ ท่าอากาศยานลำปาง

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
1. โรงเรียนอนุบาลลำปาง 1.9 กม.
2. โรงพยาบาลแวนแซนด์วูร์ด 2 กม.
3. กาดกองต้า 2.5 กม.
4. สะพานรัษฏาภิเศก 2.5 กม.
5. โรงเรียนอัสสัมชัญ 3.3 กม.
6. Central ลำปาง 3.6 กม.

15
เด็กฟันแท้หาย เข้ารับการจัดฟันเด็ก อาจช่วยได้

เด็กๆหลายคนมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากทำความสะอาดฟันได้ไม่ถูกวิธี ซึ่งการที่เราทำความสะอาดช่องปากได้ไม่ทั่วถึง อาจจะทำให้เราเกิดเป็นโรคฟันผุได้ โรคฟันผุในเด็กนั้นต้องบอกว่ามีเด็กจำนวนไม่น้อยที่มีฟันผุตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเนื่องจากเด็กๆ ชอบรับประทานขนมของหวาน ลูกอม และไม่ได้รับการทำความสะอาดฟันที่ดี จึงทำให้เกิดคราบบนผิวฟันและส่งผลทำให้เกิดฟันผุได้ ถึงแม้ว่าเด็กบางคนยังมีฟันน้ำนมอยู่ แต่เราก็ต้องดูแลให้ดี เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองส่วนใหญ่คิดว่าฟันน้ำนมของเด็กนั้น ไม่มีความสำคัญ เพราะคิดว่าเดี๋ยวฟันแท้ก็งอกขึ้นมาแทนที่ ซึ่งความคิดนี้ถือว่าผิดและส่งผลเสียต่อตัวเด็กโดยตรง ฟันน้ำนมนั้น ส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ ถ้าหากฟันน้ำนมหลุดก่อนเวลาอันควร อาจจะทำให้ฟันแท้ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้

เนื่องจากโครงสร้างของฟันแท้ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งปัญหานี้ถือว่าเด็กหลายคนมักจะพบเจอได้บ่อย เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรสอนให้ลูกรู้จักดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน ตั้งแต่เด็กเด็กปลูกฝังให้เขารู้จักวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีและให้ใส่ใจในเรื่องของช่องปากให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาฟันในอนาคต สำหรับวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของที่ฟันแท้หายหรือไม่สามารถขึ้นมาได้ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและอาจทำให้เกิดปัญหาฟันได้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้น การเข้ารับการจัดฟันในเด็กอาจจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ พ่อแม่ผู้ปกครองควรสังเกตฟันของบุตรหลานของท่าน ถ้าหากพบสัญญาณผิดปกติให้รีบพาหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์จัดฟันเพื่อเข้ารับการแก้ไข

เราจะมาอธิบายของกระบวนการการขึ้นของฟันก่อน เพื่อที่จะได้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น ในวัยทารกทุกคนมีหน่อฟันที่เจริญอยู่ใต้เหงือกตั้งแต่ในท้องแม่และพร้อมจะเริ่มงอกเมื่ออายุครบ 6 เดือน ฟันหน้า 2 ซี่ล่างจะงอกก่อน ตามด้วยฟันหน้าด้านบน 4 ซี่ และจากนั้นจึงเป็นฟันหน้าล่างอีก 2 ซี่ ส่วนฟันที่เหลือจะงอกครั้งละสองซี่ ซี่ละข้าง และฟันน้ำนมนี้จะงอกครบทั้งหมด 20 ซี่เมื่อเด็กอายุ 3 ขวบ แต่เด็กบางคนฟันงอกช้า ซึ่งสาเหตุของของฟันขึ้นช้า อาจเกิดจาก 2 กรณี ก็คือยังไม่ถึงกำหนดอายุที่ฟันแท้จะขึ้น โดยปกติ ฟันแท้ซี่กลางด้านบนจะขึ้นเมื่ออายุ 7-8 ปี และหากฟันน้ำนมซี่หลุดออกไปก่อนจากสาเหตุอื่นๆ เช่น มีฟันผุ หรือเกิดอุบัติเหตุ เป็น  และฟันซี่ที่หลุดไปนั้น เป็นฟันแท้ ดังนั้น ก็ย่อมจะไม่มีฟันงอกออกมาอีก

แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงกรณีที่เด็กฟันแท้ไม่ขึ้น อาการฟันหาย เกิดจากฟันขึ้นเองไม่ได้เองตามธรรมชาติ แต่กลับไปฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร ซึ่งฟันน้ำนม คือเครื่องมือรักษาช่องว่างตามธรรมชาติในขากรรไกร เพื่อกันพื้นที่ให้ฟันแท้ขึ้น แต่หากต้องถอนฟันน้ำนมทิ้ง ก่อนเวลาอันควร ก็จะทำให้ขาดความสมดุลของฟันที่เหลือในช่องปาก ฟันซี่อื่นอาจเคลื่อนตัวเข้ามาในช่องว่าง ของฟันน้ำนมที่ถูกถอนไป ทำให้ฟันแท้ที่จะขึ้นขาดพื้นที่ ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ตามธรรมชาติ ซึ่งการเข้ารับการจัดฟันในเด็กสามารถแก้ไขปัญหาฟันหายได้ ถ้าหากบุตรหลานของท่าน มีอาการฟันแท้หายหรือขึ้นไม่ครบ ก็ควรพาบุตรหลานของท่านมาพบทันตแพทย์จัดฟัน เพราะอาจช่วยดึงฟันที่ฝังให้งอกขึ้นมาได้ เพื่อให้บุตรหลานของท่านได้มีฟันที่สวยงาม สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่ และมีบุคลิกภาพที่ดี

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่คลินิกได้ เพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และมีประสบการณ์ด้านทันตกรรมมาอย่างยาวนาน จึงทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองวางใจได้เลยว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

หน้า: [1] 2 3 ... 34





















































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย