แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1
อาหารสายยาง อาหารปั่นผสม เมื่อให้พร้อมกับอาหารธรรมดา

อาหารสายยาง อาหารปั่นผสม ถือเป็นอาหารทางการแพทยืที่ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ หรือร่างกายไม่สามารถกลืนอาหารเองได้ จึงต้องใช้อาหารปั่นผสมที่ต้องให้ทางสายยาง หรืออาจจะมีกลุ่มผู้ป่วยที่สามารถกลืนอาหารเองได้ แต่ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี จึงจำเป็นต้องใช้อาหารปั่นผสมเช่นกัน และอาหารธรรมดาของโรงพยาบาลนั้น

สามารถใช้ร่วมกับอาหารปั่นผสมได้หรือไม่ เป็นคำถามที่มักพบได้บ่อย และหลายคนอาจจะสงสัยว่า สามารถใช้ร่วมกันได้หรือไม่ สำหรับอาหารธรรมดา จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาหารที่คนปกติที่ไม่ได้เจ็บป่วยรับประทานอยู่ทั่วๆไป เพียงแต่งดอาหารที่ย่อยยาก อาหารหมักดอง อาหารรสจัด อาหารทอดที่อมน้ำมัน อาหารที่มีใยแข็งและย่อยยาก

อาหารชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่จำเป็นต้องได้รับอาหารดัดแปลงเพื่อการรักษาโรค หรือ อาหารเฉพาะโรค อาหารปั่นผสมสามารถใช้ร่วมกับอาหารธรรมดาได้ แต่ต้องเป็นอาหารที่อ่อนและผู้ป่วยสามารถรับประทานได้ สามารถกลืนอาหารได้เอง แต่อาหารธรรมดาจะไม่สามารถใช้ร่วมกับอาหารปั่นผสมได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องให้อาหารทางสายยาง เนื่องจากไม่มีความเหลว และไม่สามารถผ่านเข้าสายยยางให้อาหารได้ และอาจจะเกิดผลเสียตามมาเช่น ทำให้ผู้ป่วยสำลักอาหารได้ อย่างไรก็ตาม อาหารปั่นผสมสามารถให้พร้อมกับอาหารธรรมดาได้ แต่ต้องดูในแต่ละกรณีว่าผู้ป่วยสามารถรับอาหารธรรมดาได้หรือไม่ ระบบย่อยอาหารเป็นอย่างไร

สำหรับอาหารปั่นผสมนั้น เป็นอาหารที่ได้การยอมรับให้นำมาใช้ในโรงพยาบาลในกลุ่มผุ้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ และอาหารปั่นผสมของเราก็ได้รับการรับรองจากโรงพยาบาลว่ามีความปลอดภัย สามารถใช้ในผู้ป่วยที่ต้องให้อาหารทางสายยยาง หรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถกลืนอาหารเองได้ โดยทางเราได้มีกระบวนการผลิตอาหารในห้องปลอดเชื้อของทางโรงพยาบาล และมีนักโภชนาการคอบควบคุมทุกขั้นตอนการผลิต จึงมั่นใจได้ว่า อาหารปั่นผสมของเรา มีความปลอดภัย ถูกต้องตามหลักโภชนาการและไม่ส่งผลเสียให้กับผู้ป่วยอย่างแน่นอน


2
ลงประกาศฟรี / หมอประจำบ้าน: ไอกรน (Pertussis/Whooping cough)
« เมื่อ: วันที่ 6 กันยายน 2024, 18:52:35 น. »
หมอประจำบ้าน: ไอกรน (Pertussis/Whooping cough)

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ให้การรักษาตามอาการ เช่น ลดไข้ แก้ไอ เป็นต้น ถ้าให้ยาแก้ไอเพื่อระงับอาการไอไม่ได้ผล ให้ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 4 ช้อนโต๊ะ จิบบ่อย ๆ (สำหรับเด็กอายุมากกว่ากว่า 1 ปี ไม่แนะนำให้ใช้สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี)

ส่วนยาปฏิชีวนะ มักจะให้ในระยะที่เริ่มมีอาการไม่เกิน 1 สัปดาห์ หรือในเด็กที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เริ่มป่วยเป็นโรคนี้ แต่ยังไม่เกิดอาการ ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงและโรคแทรกซ้อนลงได้ แต่ไม่ช่วยลดระยะของโรคให้สั้นลง ยาที่ใช้ เช่น อีริโทรไมซิน โคไตรม็อกซาโชล ไรแฟมพิซิน อะซิโทรไมชิน คลาริโทรไมซิน เป็นต้น

แต่ถ้ามีอาการแสดงเกิน 1-2 สัปดาห์ การให้ยาปฏิชีวนะมักไม่ได้ผล ยกเว้นในรายที่มีปอดอักเสบหรือหลอดลมอักเสบแทรกซ้อน

ส่วนอาการเลือดออกที่ตาขาว ไม่ต้องทำอะไรจะค่อย ๆ จางหายไปได้เอง

2. ในรายที่มีปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือหูชั้นกลางอักเสบ ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน  โคอะม็อกซิคลาฟ, อีริโทรไมซิน, ร็อกซิโทรไมซิน เป็นต้น

3. ในทารกที่มีอาการชักเกร็ง ตัวเขียว หยุดหายใจ แพทย์จะทำการผายปอดโดยการเป่าปาก และใช้ลูกยางดูดเอาเสมหะออก และรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

4. ถ้ามีอาการหอบหรือขาดน้ำรุนแรง แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

5. ถ้าพบในเด็กทารกอายุต่ำกว่า 3 เดือน แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล เพื่อการดูแลอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะปลอดภัย

6. ถ้าไอเรื้อรังร่วมกับน้ำหนักลด แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม อาจพบว่ามีวัณโรคกำเริบแทรกซ้อนได้

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะมีอาการไอนานเป็นเดือน ๆ (บางรายอาจนานถึง 3 เดือน) ซึ่งจะค่อย ๆ ทุเลาหายไปเอง ส่วนน้อย (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี) อาจมีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งบางรายแพทย์จำเป็นต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

3
รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างชลบุรี รถรับจ้างทั่วไป รถรับจ้างดีๆมีมาตรฐาน บริการดีเป็นอันดับต้นๆของประเทศบริการ รถ ขนย้าย ที่พัก บริการ รับส่ง สินค้า

บริการรถรับจ้างชลบุรี รถรับจ้าง 4ล้อ 6ล้อ ขนของ ย้ายของ ย้ายครัว หอพัก ที่พักอาศัย สินค้า ทุกประเภท ฝาก ส่ง ของใช้ในครัวเรือน กลับ ต่างจังหวัด รายชิ้น รายเที่ยว บริการ ทั่วประเทศ ราคาประหยัด บริการ รถ ขนย้าย ที่พัก บริการ รับส่ง สัตวเลี้ยง บริการ ส่ง รถมอเตอร์ไซค์ บริการ รับส่ง สินค้า หากผู้ใช้บริการต้องการ รถรับจ้างขนของชลบุรี ที่จะขนย้ายของ ขนย้ายห้องพัก ขนของจำนวนมาก ขนย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ขนย้ายสำนักงาน หรือจะด้วยความประสงค์อื่นๆ รถรับจ้างขนย้ายบ้าน ย้ายสำนักงานขนส่งสินค้าจัดบูธงานแสดง ให้บริการในเขตพื้นที่ กรุงเทพ และปริมณฑลปทุมธานี ชลบุรี หรือทั่วประเทศค่าบริการไม่แพงอย่างที่คิด รถขนาดใหญ่ มีผ้าใบปิดกันฝนทุกคัน คนขับรถมืออาชีพ ประสบการณ์มากกว่า 15 ปีการันตีคุณภาพการขนย้าย รวดเร็ว ราคาถูก เชื่อถือได้


เรามีเครือข่ายรถเป็นจำนวนมาก ทำให้ รถรับจ้างเที่ยวกลับ ราคาถูก ช่วยท่านประหยัดได้มากขึ้น เรามีรถบรรทุกรับจ้าง บริการรับจ้างทั่วไทย ทุกจังหวัด ทุกอำเภอครอบคลุมทุกพื้นที่มากที่สุด บริการ รถรับจ้าง 4ล้อ 6ล้อ ขนของ ย้ายของ ย้ายครัว หอพัก ที่พักอาศัย สินค้า ทุกประเภท ฝาก ส่ง ของใช้ในครัวเรือน กลับ ต่างจังหวัด รายชิ้น รายเที่ยว บริการ ทั่วประเทศ ราคาประหยัด บริการ รับส่ง บริการ ส่ง รถมอเตอร์ไซค์ บริการ รถ ขนย้าย ที่พัก บริการ รับส่ง สินค้า หากท่านยังลังเลใจในการว่าจ้าง รถรับจ้างชลบุรี นั้น ท่านสามารถโทรมาปรึกษาและสอบถามราคาที่เราได้เลย  ฟรีๆ!!!  ท่านลองให้โอกาสเราได้เข้าไปรับใช้ท่านเถอะครับ ท่านไม่ผิดหวังแน่นอน รับประกัน 100% โทรหาเราที่


รถรับจ้างของเรานั้นสามารถรับส่งไปถึงปลายทางที่กำหนดให้อย่างรวดเร็วเนื่องจากทาง รถรับจ้างขนส่ง นั้นต้องปรึกษาและค้นหาเตรียมพร้อมไว้ก่อนเพื่อจะได้ทำให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วทันใจเพราะขนขับรถของเราได้เป็นคนในพื้นที่รู้จักเส้นทางเป็นอย่างดีแต่อย่างไรก็ตามรถรับจ้างของเราได้ศึกษาเส้นทางและสอบถามปรึกษาลูกค้าอยู่แล้วเพื่อไม่ให้เกิดการหลงทางเสียเวลาทั้ง2ฝ่าย


และถ้าหากลูกค้าสิ่งของเยอะทางเราก็มีบริการคนยกของซึ้งราคาก็แล้วแต่ว่าที่พักสูงไหมของเยอะหรือเปล่าที่สำคัญไม่แพงเกินบริการเจ้าอื่นแน่นอนแนะนำเลยบริการรถรับจ้างที่มีมาตรฐานสุดๆในขณะนี้ขนส่งพร้อมให้บริการแล้ววันนี้ทั่วประเทศ รถ ขน ของ ทั่ว ประเทศ

4
ลงประกาศฟรี / อาการของโรคไข้เลือดออก
« เมื่อ: วันที่ 4 กันยายน 2024, 21:41:49 น. »
อาการของโรคไข้เลือดออก

ไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อยมากโรคหนึ่ง ซึ่งพบได้ในทุกกลุ่มอายุ พบมากสุดในกลุ่มเด็กอายุ 5-14 ปี รองลงมา 15-24 ปี และ 0-4 ปีตามลำดับ

โรคนี้พบได้ตลอดทั้งปี และทั่วทุกภาค โดยจำนวนผู้ป่วยเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตอนต้นเดือนพฤษภาคม จนมีจำนวนสูงสุดในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูฝน แล้วเริ่มมีแนวโน้มลดลงตอนปลายเดือนตุลาคม โรคนี้มีแนวโน้มเกิดการระบาดปีเว้นปี หรือปีเว้น 2 ปี

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสเด็งกี (dengue virus) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 สายพันธุ์ ได้แก่ 1, 2, 3 และ 4

โดยทั่วไปเมื่อได้รับเชื้อไวรัสเด็งกีเข้าไปครั้งแรก (สามารถติดเชื้อตั้งแต่อายุได้ 6 เดือนขึ้นไป) โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 3-15 วัน (ส่วนมาก 5-7 วัน) ผู้ป่วยจะมีไข้สูงคล้ายไข้หวัดใหญ่อยู่ 5-7 วัน และส่วนมากจะไม่มีอาการเลือดออก มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อาจมีเลือดออก หรือมีอาการรุนแรง เรียกว่า ไข้เด็งกี (dengue fever/DF)*

ต่อมาเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อซ้ำอีก (ซึ่งอาจเป็นเชื้อเด็งกีชนิดเดียวกัน หรือคนละชนิดกับที่ได้รับครั้งแรกก็ได้ และมีระยะฟักตัวสั้นกว่าครั้งแรก) ร่างกายก็จะเกิดปฏิกิริยาทำให้หลอดเลือดฝอยเปราะ และเกล็ดเลือดต่ำ จึงทำให้พลาสมา (น้ำเลือด) ไหลซึมออกจากหลอดเลือด (ตรวจพบระดับฮีมาโตคริตสูง มีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดและช่องท้อง) และมีเลือดออกง่าย เป็นเหตุให้เกิดภาวะช็อก

โดยทั่วไปการติดเชื้อครั้งหลัง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการรุนแรง มักจะเกิดขึ้นภายหลังการติดเชื้อครั้งแรกประมาณ 6 เดือนถึง 5 ปี มักจะทิ้งช่วงไม่เกิน 5 ปี ด้วยเหตุนี้ไข้เลือดออกที่มีอาการรุนแรง จึงมักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปีมากกว่าในวัยอื่น

โรคนี้มียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นพาหะนำโรค กล่าวคือ ยุงลายจะกัดคนที่เป็นไข้เลือดออกก่อน แล้วจึงไปกัดคนที่อยู่ใกล้เคียง (ในรัศมีไม่เกิน 400 เมตร) ก็จะแพร่เชื้อให้คนอื่น ๆ ต่อไป ยุงชนิดนี้ชอบเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำนิ่งในบริเวณบ้าน เช่น ตุ่มน้ำ โอ่งน้ำ จานรองตู้กับข้าว แจกัน ฝากะลา กระป๋อง หลุมที่มีน้ำขัง เป็นต้น เป็นยุงที่ออกหากิน (กัดคน) ทั้งในกลางวันและกลางคืน
 
ยุงลาย

* ไข้เด็งกี (dengue fever) เกิดจากการติดเชื้อเด็งกีครั้งแรกในชีวิต ส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดง หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย จัดว่าเป็นโรคที่ไม่รุนแรง ซึ่งมักหายได้เองเป็นส่วนใหญ่แม้จะไม่ได้ใช้ยา หรือเพียงให้ยาบรรเทาตามอาการ เนื่องเพราะเป็นการติดเชื้อไวรัสซึ่งไม่มียารักษาจำเพาะ

อาการที่พบได้ก็คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัวคล้ายไข้หวัดใหญ่ โดยมักไม่มีอาการเป็นหวัดเจ็บคอแบบไข้หวัด ผู้ป่วยอาจมีผื่นแดงเล็กคล้ายหัดขึ้นตามตัว (ซึ่งบางรายอาจมีอาการคัน) บางรายอาจมีจุดแดง (จุดเลือดออก) ตามผิวหนัง

บางรายเมื่อทำการทดสอบทูร์นิเคต์อาจให้ผลบวก การตรวจเลือดพบว่าเม็ดเลือดขาวต่ำ และบางรายอาจพบเกล็ดเลือดต่ำ

โรคนี้มักหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์ โดยที่ผู้ป่วยอาจรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน หรือหากไปพบแพทย์ แพทย์ก็จะวินิจฉัยจากอาการ (โดยไม่ได้ทำการทดสอบทูร์นิเคต์ และไม่ได้ตรวจเลือด) ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโรคติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น ๆ (เช่น ไข้ปวดข้อยุงลาย ไข้ซิกา) เพียงให้การรักษาตามอาการและติดตามสังเกตอาการ ซึ่งมักจะไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นไข้เด็งกี

ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อเด็งกีครั้งแรก จึงมักจะไม่รู้ว่าตัวเองเคยติดเชื้อเด็งกี หากในเวลาต่อมาเกิดการติดเชื้อเด็งกีซ้ำ ก็จะกลายเป็นไข้เลือดออกได้


อาการ

อาการของไข้เลือดออกแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 ระยะไข้สูง ผู้ป่วยจะมีไข้สูงฉับพลัน ซึ่งมักมีลักษณะไข้สูงลอยตลอดเวลา หรือกินยาลดไข้ก็มักจะไม่ทุเลา

มักมีอาการหน้าแดง ตาแดง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย นอนซม เบื่ออาหาร 

บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องในบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา หรือปวดท้องทั่วไป ท้องผูกหรือถ่ายเหลว 

ส่วนมากมักจะไม่ค่อยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล หรือไอมากอย่างผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดหรือออกหัด แต่บางรายอาจมีอาการเจ็บคอ คอแดงเล็กน้อย หรือไอบ้างเล็กน้อย

ในราววันที่ 3 ของไข้ อาจมีผื่นแดงขึ้นตามแขนขาและลำตัว ซึ่งจะเป็นอยู่ 2-3 วัน บางรายอาจมีจุดเลือดออก มีลักษณะเป็นจุดแดงเล็ก ๆ (บางครั้งอาจมีจ้ำเขียวด้วยก็ได้) ขึ้นตามหน้า แขน ขา ซอกรักแร้ ในช่องปาก (เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้นไก่)

ในระยะนี้อาจคลำพบตับโต และมีอาการกดเจ็บเล็กน้อย

การทดสอบทูร์นิเคต์* ส่วนใหญ่จะให้ผลบวกตั้งแต่วันที่ 2 ของไข้ และในวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว มักจะพบมีจุดเลือดออกมากกว่า 10-20 จุดเสมอ

ผู้ป่วยจะมีไข้สูงลอยอยู่ประมาณ 2-7 วัน ถ้าไม่มีอาการรุนแรง ส่วนมากไข้ก็จะลดลงในวันที่ 5-7 บางราย อาจมีไข้เกิน 7 วันได้

แต่ถ้าเป็นมาก ก็จะปรากฏอาการระยะที่ 2

ระยะที่ 2 ระยะช็อกและมีเลือดออก มักจะพบในไข้เลือดออกที่เกิดจากเชื้อเด็งกีที่มีความรุนแรงขั้นที่ 3 และ 4

อาการจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 3-7 ของโรค ซึ่งถือว่าเป็นช่วงวิกฤติของโรค

อาการไข้จะเริ่มลดลง แต่ผู้ป่วยกลับมีอาการทรุดหนัก มีอาการปวดท้องและอาเจียนบ่อยขึ้น ซึมมากขึ้น กระสับกระส่าย ตัวเย็น มือเท้าเย็น เหงื่อออก ปัสสาวะออกน้อย ชีพจรเต้นเบาแต่เร็ว (อาจมากกว่า 120 ครั้ง/นาที) และความดันต่ำ ซึ่งเป็นอาการของภาวะช็อก ภาวะนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพลาสมาไหลซึมออกจากหลอดเลือด ทำให้ปริมาตรของเลือดลดลงมาก ถ้าเป็นรุนแรงผู้ป่วยอาจมีอาการไม่ค่อยรู้สึกตัว ตัวเย็นชืด ปากเขียว ชีพจรคลำไม่ได้ และความดันตกจนวัดไม่ได้ หากไม่ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที ก็อาจตายได้ภายใน 1-2 วัน

นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังอาจมีอาการเลือดออกตามผิวหนัง (มีจ้ำเขียวพรายย้ำขึ้น) เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือดสด ๆ หรือเป็นสีกาแฟ ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด ๆ หรือเป็นสีน้ำมันดิบ ๆ ถ้าเลือดออกมักทำให้เกิดภาวะช็อกรุนแรง และผู้ป่วยเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว

ระยะที่ 2 นี้จะกินเวลาประมาณ 24-72 ชั่วโมง ถ้าหากผู้ป่วยสามารถผ่านช่วงวิกฤติไปได้ ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3

ระยะที่ 3 ระยะฟื้นตัว ในรายที่มีภาวะช็อกไม่รุนแรง เมื่อผ่านช่วงวิกฤติไปแล้วก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกรุนแรง เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีก็จะฟื้นตัวสู่สภาพปกติ อาการที่ส่อว่าดีขึ้นก็คือ ผู้ป่วยจะเริ่มอยากกินอาหาร แล้วอาการต่าง ๆ จะกลับคืนสู่สภาพปกติ ระยะนี้อาจกินเวลา 7-10 วัน หลังผ่านระยะที่ 2

รวมเวลาตั้งแต่เริ่มป่วยเป็นไข้จนแข็งแรงดีประมาณ 7-14 วัน ในรายที่มีอาการเพียงเล็กน้อย อาจเป็นอยู่ 3-4 วันก็หายได้เอง ส่วนอาการไข้ (ตัวร้อน) อาจเป็นอยู่ 2-7 วัน บางรายอาจนาน 10 วันก็ได้

ความรุนแรงของไข้เลือดออก

ไข้เลือดออกแบ่งระดับความรุนแรงเป็น 4 ขั้น ได้แก่

ขั้นที่ 1 (เกรด 1) มีไข้และมีอาการแสดงทั่ว ๆ ไปที่ไม่เฉพาะเจาะจง อาการแสดงของการมีเลือดออกมีเพียงอย่างเดียว คือ มีจุดแดง ๆ ตามผิวหนังโดยไม่มีอาการเลือดออกอย่างอื่น ๆ และการทดสอบทูร์นิเคต์ให้ผลบวก

ขั้นที่ 2 (เกรด 2) มีอาการเพิ่มจากขั้นที่ 1 คือ มีเลือดออกเอง อาจออกเป็นจ้ำเลือดที่ใต้ผิวหนัง หรือเลือดออกจากที่อื่น ๆ เช่น อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด แต่ยังไม่มีภาวะช็อก ชีพจรและความดันโลหิตยังปกติ

ขั้นที่ 3 (เกรด 3) มีอาการแสดงของภาวะช็อก เช่น กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น เหงื่อออก ชีพจรเร็วและเบา ความดันต่ำ หรือมีความแตกต่างระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่าง ซึ่งเรียกว่า แรงชีพจร** (pulse pressure) น้อยกว่า 30 มม.ปรอท (เช่น ความดันช่วงบน 80 ช่วงล่าง 60)

ขั้นที่ 4 (เกรด 4) มีภาวะช็อกอย่างรุนแรง ชีพจรเบาและเร็วจนจับไม่ได้ ความดันตกจนวัดไม่ได้ และ/หรือมีเลือดออกมาก เช่น อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือดมาก

ไข้เลือดออกที่มีความรุนแรง ถึงขั้นที่ 3 และ 4 พบได้ประมาณร้อยละ 20-30 ที่เหลืออีกร้อยละ 70-80 จะแสดงอาการในขั้นที่ 1 และ 2

การเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยตามขั้นต่าง ๆ จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงควรดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การเปลี่ยนจากขั้นที่ 2 มาขั้น 3 และ 4 ควรจับชีพจร วัดความดันโลหิต และถ้าเป็นไปได้ควรตรวจหาความเข้มข้นของเลือดโดยการเจาะเลือดตรวจฮีมาโทคริต และตรวจนับคำนวณเกล็ดเลือดเป็นระยะ

*การทดสอบทูร์นิเคต์ (tourniquet test) โดยใช้เครื่องวัดความดันรัดเหนือข้อศอกของผู้ป่วยด้วยค่าความดันกึ่งกลางระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่างของคนคนนั้น (ความดันช่วงบนบวกความดันช่วงล่างหารสอง) เป็นเวลานาน 5 นาที
ถ้าไม่มีเครื่องวัดความดัน ให้ใช้ยางหนังสติ๊กรัดเหนือข้อศอกให้แน่นเล็กน้อย (ยังพอคลำชีพจรที่ข้อมือได้) นาน 5 นาที
ถ้าพบมีจุดเลือดออก (จุดแดง) เกิดขึ้นที่บริเวณท้องแขนใต้ตำแหน่งที่รัดเป็นจำนวนมากกว่า 10 จุดในวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว (เท่ากับเหรียญบาทโดยประมาณ) แสดงว่าการทดสอบได้ผลบวก ถ้าน้อยกว่า 10 จุดก็ถือว่าได้ผลลบ
ในผู้ป่วยไข้เลือดออก การทดสอบนี้จะได้ผลบวกได้มากกว่าร้อยละ 80 ตั้งแต่เริ่มมีไข้ได้ 2 วันเป็นต้นไป ใน 1-2 วันแรกอาจให้ผลลบ
คนที่เป็นโรคเลือดที่มีเกล็ดเลือดต่ำ เช่น ไอทีพี โลหิตจางอะพลาสติก หรือคนที่เป็นไข้หวัด หรือไข้อื่น ๆ ก็อาจให้ผลบวกได้เช่นกัน
ผู้ป่วยไข้เลือดออกที่มีภาวะช็อก การทดสอบนี้อาจให้ผลลบได้
 

การทดสอบทูร์นิเคต์

**แรงชีพจร (ความดันชีพจร) ในคนปกติจะอยู่ระหว่าง 30-50 มม.ปรอท ถ้าน้อยกว่า 30 เรียกว่า "แรงชีพจรแคบ" เช่น 120/100, 90/70, 80/70 เป็นต้น ถ้ามากกว่า 50 เรียกว่า "แรงชีพจรกว้าง" เช่น 160/90, 150/70 เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อน

ที่ร้ายแรงถึงทำให้เสียชีวิตได้ ได้แก่ ภาวะเลือดออกรุนแรง (ถ้ามีเลือดออกในกระเพาะอาหารจำนวนมาก หรือมีเลือดออกในสมอง มักมีอัตราตายสูง) ภาวะช็อก และภาวะอวัยวะล้มเหลว (เช่น ตับวาย ไตวาย หัวใจวาย การหายใจล้มเหลว) ซึ่งมักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกอยู่นาน

นอกจากนี้ อาจเป็นปอดอักเสบ (อาจมีภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอดร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้) สมองอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแทรกซ้อนได้ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก

ผู้หญิงตั้งครรภ์ อาจเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ทารกเสียชีวิตในครรภ์ คลอดก่อนกำหนด  หรือทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อย

ในกรณีที่ผู้ป่วยไข้เลือดออกได้รับน้ำเกลือเข้าทางหลอดเลือดดำมากไป อาจเกิดภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) เป็นอันตรายได้ ดังนั้นเวลาให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ควรตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

สิ่งตรวจพบที่สำคัญ ได้แก่ ไข้สูง (39-40 องศาเซลเซียส ซึ่งมักจะเป็นอยู่ตลอดเวลา) หน้าแดง เปลือกตาแดง นอนซม

อาจคลำได้ตับโต กดเจ็บ มีผื่นแดงหรือจุดแดงจ้ำเขียวตามตัว การทดสอบทูนิเคต์ให้ผลบวก (อาจให้ผลลบในวันแรก ๆ ของไข้)

ในรายที่เป็นรุนแรง (มีความรุนแรงขั้นที่ 3 และ4) จะตรวจพบภาวะช็อก (มีอาการกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น เหงื่อออก ชีพจรเร็วและเบา ความดันต่ำหรือมีความแตกต่างระหว่างความดันช่วงบนและความดันช่วงล่างน้อยกว่า 30 มม.ปรอท) บางรายอาจตรวจพบอาการเลือดออก (เช่น เลือดกำเดาไหลอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด)

ในรายที่ยังวินิจฉัยจากอาการและการตรวจร่างกายไม่ได้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจเลือด พบเม็ดเลือดขาวมีจำนวนต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 5,000 เซลล์ต่อเลือด 1 ลูกบาศก์มิลลิเมตร), เกล็ดเลือดมีจำนวนต่ำกว่าปกติ (ต่ำกว่า 150,000 ตัวต่อเลือด 1ลูกบาศก์มิลลิเมตร), ฮีมาโทคริต (ซึ่งวัดระดับความเข้มของเลือด) สูงกว่าปกติ เนื่องจากพลาสมาไหลซึมออกจากหลอดเลือด ทำให้ปริมาตรของเลือดลดลง

ในการวินิจฉัยโรคนี้ให้ชัดเจน แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อในเลือด (ด้วยวิธี NS1 หรือ PCR ซึ่งจะให้ผลที่ดีสำหรับผู้ที่มีอาการไข้ 1-3 วัน) สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไข้ตั้งแต่ 4 วันขึ้นไป แพทย์อาจทำการทดสอบทางน้ำเหลือง เพื่อดูสารภูมิต้านทานต่อเชื้อไข้เลือดออกโดยวิธี ELISA (สามารถทราบผลจากการตรวจเพียงครั้งเดียว) หรือวิธี hemagglutination inhibition (HI ซึ่งต้องตรวจ 2 ครั้ง ห่างกัน 2 สัปดาห์)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าอาการไม่รุนแรง (มีอาการในขั้นที่ 1) คือเพียงแต่มีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร โดยยังไม่มีอาการเลือดออกหรือมีภาวะช็อก จะให้การรักษาตามอาการ ดังนี้

    ให้ผู้ป่วยพักผ่อนมาก ๆ
    หากมีไข้สูง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อย ๆ และให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล คำนวณขนาดตามน้ำหนักตัวหรือตามอายุ ให้ได้ไม่เกิน 4 ครั้งใน 24 ชั่วโมง ห้ามให้แอสไพริน เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายขึ้น หรืออาจทำให้เกิดโรคเรย์ซินโดรมได้ และห้ามให้ยาลดไข้กลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เพราะอาจทำให้มีเลือดออกได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ให้ยาลดไข้ บางครั้งไข้ก็อาจจะไม่ลดก็ได้ ระวังอย่าให้พาราเซตามอลถี่กว่ากำหนด อาจมีพิษต่อตับได้
    ให้อาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก นม น้ำหวาน
    ให้ดื่มน้ำมาก ๆ จนปัสสาวะออกมากและใส อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม (ควรเขย่าฟองออกก่อน) หรือสารละลายน้ำตาล เกลือแร่
    เฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด อาจต้องนัดผู้ป่วยมาตรวจดูอาการทุกวัน ตรวจจับชีพจร วัดความดัน และตรวจดูอาการเลือดออก รวมทั้งทดสอบทูร์นิเคต์ ถ้าวันแรก ๆ ให้ผลลบ ก็จะทำซ้ำในวันต่อ ๆ มา

2. ถ้าผู้ป่วยมีอาการอาเจียนมาก มีภาวะขาดน้ำ ช็อก หรือเลือดออก (มีอาการในขั้นที่ 2-4) แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ทำการเจาะเลือดตรวจวัดระดับฮีมาโทคริต (ดูความเข้มข้นของเลือดเป็นระยะ ๆ ถ้าเลือดข้นมากไป เช่น ฮีมาโทคริตมีค่ามากกว่า 50% ขึ้นไป ก็แสดงว่าปริมาตรของเลือดลดน้อย) นับจำนวนเม็ดเลือดขาว และจำนวนเกล็ดเลือด (พบว่าต่ำกว่าปกติทั้งคู่ เกล็ดเลือดจะเริ่มต่ำประมาณวันที่ 3-4 ของไข้ โรคยิ่งรุนแรงเกล็ดเลือดจะยิ่งต่ำมาก)

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจอื่น ๆ เช่น อิเล็กโทรไลต์ในเลือด ตรวจการทำงานของตับ (มักพบ AST และ ALT สูง) ตรวจภาวะการแข็งตัวของเลือด (congulation study) ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ปอด เป็นต้น

แพทย์จะทำการรักษา โดยให้น้ำเกลือรักษาภาวะช็อกหรือภาวะขาดน้ำ ถ้าจำเป็นอาจให้พลาสมาหรือสารแทนพลาสมา (เช่น แอลบูมินหรือเดกซ์แทรน) ให้เลือดถ้ามีเลือดออก และรักษาภาวะแทรกซ้อนที่ตรวจพบ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่หายได้เป็นปกติภายใน 1-2  สัปดาห์ ส่วนน้อยมากที่อาจเสียชีวิต (เฉลี่ยในผู้ป่วย 1,000 คน มีการเสียชีวิตประมาณ 1 คน) จากภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เลือดออกรุนแรง มีภาวะช็อก อวัยวะล้มเหลว (เช่น ตับวาย ไตวาย หัวใจวาย การหายใจล้มเหลว) มีการติดเชื้อแทรกซ้อน เป็นต้น ผู้ที่เสียชีวิตมักมีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัว (เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด โรคพิษสุราเรื้อรัง เป็นต้น) อายุต่ำกว่า 1 ปี กินยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เข้ารับการรักษาช้า หรือปล่อยให้มีอาการรุนแรงค่อยมาพบแพทย์


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูงหรือมีไข้ตลอดเวลาร่วมกับอาการเบื่ออาหาร นอนซม หรือมีไข้ในช่วงที่มีคนในละแวกใกล้เคียงเป็นไข้เลือดออก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไข้เลือดออก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    กินยาลดไข้-พาราเซตามอลตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร แม้ว่ากินยาแล้วไข้ไม่ยอมลดก็ห้ามกินถี่กว่าที่แนะนำ เพราะการใช้ยานี้มากเกินอาจมีพิษต่อตับได้
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาใช้เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาลดไข้-แอสไพริน และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน) เพราะอาจทำให้เลือดออกง่าย
    ให้อาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก นม น้ำหวาน (ควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีสีแดง เพราะหากอาเจียนอาจทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นการอาเจียนออกเป็นเลือดหรือเป็นน้ำที่ดื่ม)
    ให้ดื่มน้ำมาก ๆ จนปัสสาวะออกมากและใส อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลม (ควรเขย่าฟองออกก่อน และหลีกเลี่ยงน้ำที่ออกสีเข้ม) หรือสารละลายน้ำตาลเกลือแร่


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการหนาวสั่นมาก
    ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก กระสับกระส่าย หรือซึมมาก
    หายใจหอบ
    ปวดท้องตรงยอดอกหรือลิ้นปี่
    ซีด ตาเหลืองตัวเหลือง เบื่ออาหารมาก หรือดื่มน้ำได้น้อย
    มือเท้าเย็นชืด มีเหงื่อออกและท่าทางไม่สบายมาก
    มีจุดแดงจ้ำเลือดขึ้นตามตัว
    มีเลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ทำลายแหล่งเพาะพันธ์ยุงลาย เช่น

    ปิดฝาโอ่งน้ำหรือภาชนะใส่น้ำให้มิดชิด ป้องกันไม่ให้ยุงเล็ดลอดเข้าไปวางไข่ได้ ด้วยฝาอะลูมิเนียม ผ้า ตาข่ายไนล่อน หรือวัสดุอื่น
    เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 7 วัน สำหรับแจกันพลูด่างต้องใช้น้ำชะล้างไข่หรือลูกน้ำที่เกาะติดตามรากพลูด่างและข้างในแจกัน
    เปลี่ยนน้ำในจานรองตู้กับข้าวทุก 7 วัน หรือใส่น้ำเดือดลงไปในจานรองตู้กับข้าวทุก 7 วัน หรือใส่น้ำส้มสายชู ผงซักฟอก หรือเกลือแกงในน้ำที่อยู่ในจานรองตู้ (ใช้เกลือขนาด 2 ช้อนชา/น้ำ 1 แก้ว)
    จานรองกระถางต้นไม้ ควรใส่ทรายธรรมดาให้ลึก 3 ใน 4 ส่วนของจานขนาดใหญ่ หรือเทน้ำที่ขังอยู่ในจานขนาดเล็กทิ้งทุก 7 วัน
    ควรเก็บกระป๋อง ฝาขวด (ฝาเบียร์) กะลา ยางรถยนต์เก่า ๆ หรือสิ่งที่จะเป็นที่ขังน้ำ ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้าน โรงเรียน และแหล่งชุมชน ทำลายหรือฝังดินให้หมด
    ยางรถยนต์เก่าถ้าไม่โยนทิ้งควรหาทางปกคลุม หรือเจาะรูระบายไม่ให้น้ำขัง หรือนำมาทำเป็นที่ปลูกต้นไม้หรือพืชผักสวนครัว เครื่องใช้ (เช่น ที่ทิ้งขยะ เก้าอี้) แต่จะต้องดัดแปลงยางรถยนต์ให้ขังน้ำไม่ได้
    ปรับพื้นบ้านและสนามอย่าให้เป็นหลุมเป็นบ่อที่มีน้ำขังได้
    กำจัดลูกน้ำยุงลายด้วยการใส่ทรายอะเบต (abate)* ลงในตุ่มน้ำและภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิด
    เลี้ยงปลาหางนกยูงไว้กินลูกน้ำในภาชนะที่ใส่น้ำสำหรับใช้ (ไม่ใช่น้ำสำหรับบริโภค) ในอ่างบัว หรืออ่างปลูกต้นไม้น้ำ โดยใส่ปลาหางนกยูง 2-10 ตัวต่อภาชนะ ควรใส่เฉพาะปลาตัวผู้เพื่อคุมปริมาณปลาหางนกยูง

2. หาวิธีป้องกันอย่าให้ยุงลายกัด ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน เช่น ใส่เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวเวลาออกนอกบ้าน, อยู่ในห้องที่มีมุ้งลวด หรือให้เด็กเล็กนอนกางมุ้ง, ใช้ยาทากันยุงทาตามตัวเวลาอยู่ในที่ที่มียุง เป็นต้น

3. ปัจจุบันมีวัคซีนที่ใช้ฉีดป้องกันโรคไข้เลือดออก มีการรายงานว่า ผู้ที่ฉีดวัคซีนจนครบจำนวน 3 เข็ม (ซึ่งแต่ละเข็มห่างกัน 6 เดือน) สามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้เป็นระยะเวลา 5-6 ปี โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคนี้จากเชื้อเด็งกีทั้ง 4 สายพันธุ์ได้ราวร้อยละ 65 และลดความรุนแรงของโรคได้ราวร้อยละ 93 ทั้งนี้ แพทย์จะฉีดให้เฉพาะผู้ที่เคยติดเชื้อเด็งกีมาก่อน

สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อเด็งกีมาก่อนแพทย์จะไม่แนะนำให้ฉีด เนื่องจากเมื่อฉีดไปแล้ว หากมีการติดเชื้อเด็งกี มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นไข้เลือดออกที่รุนแรง และการนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล

เนื่องจากวัคซีนไข้เลือดออกยังมีราคาแพง และมีข้อระมัดระวังในการใช้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาตัดสินใจในการฉีดวัคซีนชนิดนี้

*ใส่ทรายอะเบต (abate) ชนิด 1% ในอัตราส่วน 10 กรัม/น้ำ 100 ลิตร (ตุ่มมังกรขนาด 8 ปีบ ใช้อะเบต 2 ช้อนชา ตุ่มซีเมนต์ขนาด 12 ปีบ ใช้อะเบต 2.5 ช้อนชา) ควรเติมใหม่ทุก 2-3 เดือน น้ำที่ใส่ทรายอะเบตสามารถใช้ดื่มกินได้อย่างปลอดภัย


ข้อแนะนำ

1. ไข้เลือดออกมักแยกออกจากไข้หวัดได้ โดยที่ไข้เลือดออกมักไม่มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล อาจมีไข้สูงหน้าแดง ตาแดง หรือมีผื่นขึ้นคล้ายหัด แต่แยกออกจากหัดได้ โดยหัดจะมีน้ำมูกและไอมากและตรวจพบจุดค๊อปลิก

นอกจากนี้อาการไข้สูงโดยไม่มีน้ำมูก ยังอาจทำให้ดูคล้ายไข้ผื่นกุหลาบในทารก ไข้หวัดใหญ่ ไทฟอยด์ มาลาเรีย ตับอักเสบจากไวรัสระยะแรก เล็ปโตสไปโรซิส เป็นต้น (ตรวจอาการไข้)

ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี อาจมาด้วยอาการไข้สูงร่วมกับชักก็ได้

ดังนั้นในช่วงฤดูฝนหรือในช่วงที่มีการระบาดของไข้เลือดออก ถ้าพบผู้ที่มีอาการไข้สูงเฉียบพลัน ไม่ว่าเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ ควรทำการทดสอบทูร์นิเคต์ หรือตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ไข้เลือดออกทุกราย

2. ไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่มียาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ

ประมาณร้อยละ 70-80 ของผู้ที่เป็นไข้เลือดออก จะมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายได้เองภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพียงแต่ให้การรักษาตามอาการ และให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะช็อกก็เพียงพอ ไม่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล ไม่ต้องฉีดยาให้น้ำเกลือ หรือให้ยาพิเศษแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ต้องให้ยาปฏิชีวนะและสเตียรอยด์

ประมาณร้อยละ 20-30 ที่อาจมีภาวะช็อกหรือเลือดออก ซึ่งก็มีทางรักษาให้หายได้ด้วยการให้น้ำเกลือหรือให้เลือด มีเพียงส่วนเล็กน้อยเท่านั้นอาจรุนแรงมากจนเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าพบในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจมีอัตราตายสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ

3. ระยะวิกฤติของโรคนี้คือวันที่ 3-7 ของไข้ ซึ่งผู้ป่วยอาจมีภาวะช็อกหรือเลือดออกได้ ดังนั้นจึงควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าพ้นระยะนี้ไปได้ก็ถือว่าปลอดภัย

4. ผู้ที่เป็นไข้เลือดออกในระยะแรก ถ้ามีอาการปวดท้อง อาเจียนมาก หรือเบื่ออาหาร (ดื่มน้ำได้น้อย) อาจมีภาวะช็อกตามมาได้ ดังนั้นถ้าพบอาการเหล่านี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรพยายามให้ดื่มน้ำให้มาก ๆ ถ้าดื่มไม่ได้ควรแนะนำไปโรงพยาบาล อาจต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ และเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

5. เนื่องจากเชื้อไข้เลือดออกมีอยู่หลายชนิด ดังนั้นคนเราจึงอาจติดเชื้อไข้เลือดออกได้หลายครั้ง แต่ส่วนมากจะมีอาการคล้ายไข้หวัด แล้วหายได้เอง ส่วนน้อยที่อาจเป็นรุนแรงถึงช็อก และแต่ละคนจะมีโอกาสเป็นไข้เลือดออกชนิดรุนแรงเพียงครั้งเดียว (หรืออย่างมากไม่ควรเกิน 2 ครั้งในชั่วชีวิต) ที่จะเป็นรุนแรงซ้ำ ๆ กันหลายครั้งนั้นนับว่ามีน้อยมาก

6. ผู้ที่เป็นไข้เลือดออก สามารถให้พาราเซตามอลเพื่อลดไข้ได้ แต่ควรแยกแยะอาการตัวเย็นจากยาลดไข้ให้ออกจากภาวะช็อก กล่าวคือ ถ้าตัวเย็นเนื่องจากยาลดไข้ ผู้ป่วยจะดูสบายดีและหน้าตาแจ่มใส แต่ถ้าตัวเย็นจากภาวะช็อก ผู้ป่วยจะซึมหรือกระสับกระส่าย

อย่างไรก็ตาม ควรย้ำให้ผู้ป่วยและญาติทราบว่าการใช้ยาลดไข้อาจไม่ทำให้ไข้ลด ถ้าไข้ไม่ลดก็ให้เช็ดตัวด้วยน้ำเย็น อย่าให้พาราเซตามอลเกินขนาดที่กำหนด ถ้าให้มากไปหรือถี่เกินไป อาจมีพิษต่อตับถึงขั้นอันตรายได้ และอย่าหันไปใช้ยาลดไข้ชนิดอื่น เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยี่ห้ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่ประกอบด้วยยาพาราเซตามอลล้วน ๆ (โดยอ่านดูฉลากยาให้แน่ใจ) เพราะยาแก้ไข้อื่น ๆ อาจมีอันตรายต่อผู้ป่วยไข้เลือดออกได้

7. ในรายที่จำเป็นต้องให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ ควรให้ด้วยความระมัดระวัง อย่าให้น้อยไปหรือมากไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีภาวะวิกฤติประมาณ 24-48 ชั่วโมง จำเป็นต้องตรวจวัดระดับฮีมาโทคริต อย่างใกล้ชิด และปรับปริมาณและความเร็วของน้ำเกลือที่ให้ตามความรุนแรงของผู้ป่วย ต้องระวังการให้น้ำเกลือมากหรือเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะปอดบวมน้ำ เป็นอันตรายได้

5
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์: บีวายดี BYD Sealion6 DM-i Premium ปี 2024
1,039,000 บาท

บีวายดี BYD Sealion6 DM-i Premium ปี 2024
BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid Premium ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ "Xiao Yun" เบนซิน 1.5 ลิตร ไม่มีระบบอัดอากาศ ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 96.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 122 นิวตันเมตร ผสานผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) พร้อมแบตเตอรี่ขับเคลื่อนขนาด 18.3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง กำลังสูงสุด 194.4 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร เมื่อรวมทั้ง 2 ระบบะกำลังสูงสุด 214.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร รองรับการชาร์จแบบ AC Type 2 (กําลังสูงสุด 6.6 kW) รองรับหัวชาร์จแบบ DC CCS 2 (กําลังสูงสุด 18 kW) ระบบ VtoL (Vehicle to Load) ความจุถังนํ้ามัน 45 ลิตร โหมดการขับขี่ ECO/Normal/Sport  มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 2 สี Quantum Black และ Horizon White พร้อมส่งล็อตแรก 20 ตุลาคม 2567

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              BYD
   รุ่น                   บีวายดี BYD Sealion6 DM-i Premium ปี 2024
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา                1,039,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (บันได)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟท้าย LED
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ
ล้ออัลลอย (19 นิ้ว ยาง 235/50 R19)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (ดำสลับน้ำตาลขอบส้ม)
พวงมาลัยหุ้มหนัง
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ECO/Normal/Sport)

สเปค
   เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ "Xiao Yun" เบนซิน 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 96.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 122 นิวตันเมตร ผสานผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) พร้อมแบตเตอรี่ขับเคลื่อนขนาด 18.3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง กำลังสูงสุด 194.4 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร เมื่อรวมทั้ง 2 ระบบะกำลังสูงสุด 214.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร รองรับการชาร์จแบบ AC Type 2 (กําลังสูงสุด 6.6 kW) รองรับหัวชาร์จแบบ DC CCS 2 (กําลังสูงสุด 18 kW) ระบบ VtoL (Vehicle to Load) ความจุถังนํ้ามัน 45 ลิตร โหมดการขับขี่ ECO/Normal/Sport

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)       1,499 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    214 แรงม้า
   ระบบเกียร์                      1 จังหวะ
   รูปแบบเกียร์                    ไม่ระบุ
   ระบบเบรค ABS
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง         เบนซิน 95, เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, ไฮบริด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)        45 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน
   น้ำหนักตัวรถ                  1,850 กก.
   ประเภทยางรถยนต์            -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                 ล้ออัลลอย (19 นิ้ว ยาง 235/50 R19)
   ระบบขับเคลื่อน                ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กุญแจรีโมท (BYD Digital Key/NFC (NFC Card))
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (,ระบบเบรกอัตโนมัติ AEB)
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC),ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW,ระบบแจ้งเตือนคาดการณ์การชนล่วงหน้า PCW,ระบบช่วยเตือนการชนด้านท้าย RCW,ระบบจดจำป้ายจราจร TSR,ระบบเตือนเปลี่ยนเลน LDW)
เข็มขัดนิรภัย (ดึงกลับอัตโนมัติ)
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
อื่นๆ (ระบบป้องกันรถออกนอกเลน LDP,ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร LKA,ระบบแจ้งเตือนจำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISLC,ระบบช่วยเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า FCTA,ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า FCTB)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) (DAW)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (และระบบช่วยเตือนเมื่อเปิดประตูรถ DOW)
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA) (และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB)
เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor - IAVM)
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA
เบรกมือไฟฟ้า
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
ระบบจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอก (V2L)

6
จัดฟันบางนา: วิธีใช้น้ำยาบ้วนปากที่ถูกต้อง

การทำความสะอาดช่องปากและฟัน ถือเป็นเรื่องที่เราต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันและมีความสำคัญมาก เพราะการดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เป็นเรื่องที่เราต้องคอยเอาใจใส่ ควรหมั่นสังเกตช่องปากและฟันของตัวเอง เพื่อที่จะได้ทราบว่าฟันของเรามีปัญหาตรงไหนบ้าง โดยปกติแล้วคนเราจะแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟัน หลังจากการแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว บางคนก็ใช้น้ำยาบ้วนปาก เพื่อทำความสะอาดในส่วนที่ฟันอาจจะเข้าไม่ถึงเพื่อความสะอาดของช่องปาก แต่การใช้น้ำยาบ้วนปากก็ไม่ได้จำเป็นมากนัก หากคุณมั่นใจว่า คุณทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างดีแล้ว แต่การใช้น้ำยาบ้วนปากก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นเดียวกัน เพราะถ้าหากใช้ไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้เราเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อช่องปาก สำหรับวันนี้ทางคลินิก เราจะมาแนะนำวิธีการใช้น้ำยาบ้วนปากอย่างถูกวิธี เพื่อที่จะได้ใช้อย่างถูกต้องและส่งผลดีต่อสุขภาพช่องปากและฟันของคุณ

น้ำยาบ้วนปาก เป็นสิ่งที่หลายคนเลือกใช้ เพราสามารถช่วยลดกลิ่นปาก ลดอาการปากแห้ง ทำให้ฟันขาว ยับยั้งฟันผุ ยับยั้งคราบจุลินทรีย์ หรือแม้แต่การดูแลสุขภาพช่องปาก ประสิทธิภาพของน้ำยาบ้วนปากจะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชนิดและส่วนผสมในน้ำยาบ้วนปาก โดยน้ำยาบ้วนปากชนิดทั่วไป เป็นน้ำยาบ้วนปากชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือสารชีวภาพ และไม่สามารถกำจัดแบคทีเรียในช่องปากที่ก่อให้เกิดกลิ่นปากได้ น้ำยาบ้วนปากชนิดนี้จึงอาจควบคุมกลิ่นปากได้เพียงชั่วคราวหรือในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ทั้งนี้ยังมีน้ำยาบ้วนที่ใช้รักษาโรคในช่องปาก เป็นน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมในการช่วยกำจัดแบคทีเรียและคราบจุลินทรีย์ในช่องปาก รวมไปถึงช่วยป้องกันการเกิดโรคปริทันต์และโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งเราสามารถเลือกใช้ได้ให้เหมาะสม เพราะการใช้น้ำยาบ้วนปากที่เหมาะสมกับเราจะช่วยทำให้การดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับวิธีการใช้น้ำยาบ้วนปาก เราจะต้องใช้ให้ถูกวิธีเพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากที่ดี เพราะน้ำยาบ้วนปาก มีประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากและฟัน น้ำยาบ้วนปาก นอกจากจะช่วยระงับกลิ่นปากได้แล้ว น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมพิเศษบางอย่าง ยังอาจช่วยดูแลปัญหาสุขภาพในช่องปากอื่น ๆ ได้อีกเช่น ทำให้ฟันขาวขึ้น ลดการเกิดฟันผุ ลดการเกิดคราบจุลินทรีย์และโรคเหงือกอักเสบ บรรเทาอาการปวดเฉพาะจุดในช่องปาก บรรเทาอาการต่าง ๆ จากภาวะปากแห้งเนื่องจากน้ำลายน้อย แต่ประโยชน์ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เราจะต้องใช้น้ำยาบ้วนปากให้ถูกวิธีด้วย อย่างไรก็ตาม น้ำยาบ้วนปากเราจะใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในการขจัดสิ่งสกปรก ในบริเวณที่การแปรงฟันหรือไหมขัดฟันเข้าไม่ถึง  แต่ก็ไม่สามารถนำมาใช้รักษาสุขภาพช่องปากเป็นหลักเพียงอย่างเดียวได้ การใช้น้ำยาบ้วนปากสามารถใช้ได้ทั้งก่อนและหลังแปรงฟัน และเวลาใช้ควรกลั้วให้ทั่วปากแล้วอมทิ้งไว้ประมาณ 30-60 วินาที ไม่ควรนานเกิน 1 นาที แต่ถ้าทิ้งไว้น้อยกว่า 30 นาทีอาจจะไม่ค่อยเกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร และไม่จำเป็นต้องบ้วนน้ำเปล่าตามหลังการใช้น้ำยาบ้วนปาก


ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนเอาใจใส่ในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้มีสุขภาพฟันที่ดี รวมไปถึงคอยหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของฟันเพื่อที่จะได้เข้ารับการรักษาอย่างถูกต้อง ควรเข้าพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง นอกจากนี้การทำความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี ก็สามารถทำให้ช่องปากของเรามีความสะอาด ควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน และถ้าหากต้องการที่จะใช้น้ำยาบ้วนปาก ก็ควรระมัดระวังและใช้อย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงของการเกิดอันตรายของช่องปาก สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีความสุขมากขึ้น

7
ลงประกาศฟรี / มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi-Redmi Note 12 5G (8GB/256GB)
« เมื่อ: วันที่ 2 กันยายน 2024, 15:38:19 น. »
มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi-Redmi Note 12 5G (8GB/256GB)
8,999 บาท

เสียวหมี่ Xiaomi-Redmi Note 12 5G (8GB/256GB)
Xiaomi Redmi Note 12 5G หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว กล้องหลัง 3 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับ Fast Charge 33W

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น             เสียวหมี่ Xiaomi-Redmi Note 12 5G (8GB/256GB)
   ราคากลาง          8,999 บาท
   จำนวนซิม           2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์        จอสัมผัส
   สี                  Gold(Sunrise Gold), Gray(Onyx Gray), Blue(Ice Blue), Green(Forest Green)

   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM: 850 900 1800 1900MHz)
3G(WCDMA:1/2/4/5/8)
4G(LTE FDD:1/2/3/4/5/7/8/20/28/32)
5G(n1/3/5/7/8/20/28/38/40/41/77/78)

   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 165.88 x กว้าง 76.21 x หนา 7.98 มม., น้ำหนัก 189 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)  256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด   -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ       ความจุแบตเตอรี่ 5,000 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ               จอสัมผัส (AMOLED)
   ความละเอียด        6.67 นิ้ว, 395 ppi, 2,400 x 1,080 px

   รายละเอียดอื่น
ระบบปฏิบัติการ MIUI 14 บน Android 12
ประมวลผลชิปเซ็ต Snapdragon® 4 Gen 1
กล้องหลัง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 48MP, f/1.8 + เลนส์ Ultra-Wide 8 MP, f/2.2 + เลนส์ Macro 2MP,f/2.4
มีระบบเซนเซอร์ พร็อกซิมิตีเซนเซอร์, เซนเซอร์วัดระดับแสงโดยรอบ, ตัววัดความเร่ง, เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์, IR Blaster, ไจโรสโคป
รองรับ Fast Charge 33W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด               กล้องหลัง (48 Mpx), กล้องหน้า (13 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                             Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)           Octa-Core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)   Adreno 619
   หน่วยความจำ (RAM)               8.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก             USB(Type-C 2.0), Bluetooth(5.1), NFC, Wi-Fi(802.11a/b/g/n/ac)
   ระบบรับส่งข้อความ                SMS, MMS, EMAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต         3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                         GPS: L1, GLONASS: G1, เข็มทิศ: B1, Galileo E1

8
9 วัดจีน ที่เที่ยวกรุงเทพ ไหว้พระ ทำบุญ วัดสวย ขอพร เสริมดวงเฮงๆ

ชวนสายบุญไปไหว้พระ 9 วัดจีน ศาลเจ้าดัง กรุงเทพ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้อนรับ ตรุษจีน เพื่อความเป็นสิริมงคล และเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน การเงิน การเรียน และสุขภาพ รวมถึงชมสถาปัตยกรรมจีนสวยๆ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ไปดูกันค่ะว่ามีที่ไหนบ้าง


ไหว้พระ วัดจีน ศาลเจ้าดัง กรุงเทพ

1. วัดมังกรกมลวาส หรือ วัดเล่งเนยยี่

     หากกล่าวถึงวัดจีนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในกรุงเทพ หนึ่งในนั้นจะต้องมี วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ เยาวราช อย่างแน่นอนค่ะ ที่นี่เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2414 ด้วยสถาปัตยกรรมทางจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว โดยวางแปลนแบบวัดหลวง คือมี วิหารท้าวจตุโลกบาล เป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็น พระอุโบสถ ส่วนข้างหลังเป็น วิหารเทพเจ้า

     ภายในพระอุโบสถนั้นจะเป็นที่ประดิษฐานพระประธานของวัด 3 องค์ ได้แก่ พระโคตมพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธะ พระไภษัชยคุรุพุทธะ พร้อมพระอรหันต์อีก 18 องค์ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเทพเจ้าองค์อื่นๆ อีกมากมายที่ผู้คนมักจะไปกราบไหว้ขอพร เช่น ไท้ส่วย เอี๊ยะ เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา หั่วท้อเซียงซือกง เทพเจ้าแห่งยา หรือ หมอเทวดา และ ไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    ที่อยู่ : ถนนเจริญกรุง ระหว่าง ซอยเจริญกรุง 19 และ 21 เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 07.00-18.00 น.


2. ศาลเจ้าแม่กวนอิม มูลนิธิเทียนฟ้า

     ศาลเจ้าแม่กวนอิม มูลนิธิเทียนฟ้า เป็นศาลเจ้าที่ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวจีนเคารพนับถือเป็นอย่างมาก ตั้งอยู่บริเวณถนนเยาวราช ตรงข้ามกับ วัดไตรมิตร โดยมูลนิธิเทียนฟ้านั้นก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2445 เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน เจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ปางประทานพร สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง ทำด้วยไม้จันทร์เนื้อหอมแกะสลัก รูปแบบศิลปะราชวังถัง ซึ่งอันเชิญมาจากประเทศจีนตั้งแต่ปี พ.ศ.2501 เชื่อว่าหากได้มากราบไหว้ขอพรเจ้าแม่กวนอิม ก็จะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และช่วยขยัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บค่ะ

    ที่อยู่ : ถนนเยาวราช แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งวัน



3. ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ

     ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ หนึ่งในศาลเจ้าแต้จิ๋วที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย สร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2331 หรือ พ.ศ. 2391 ภายในศาลเจ้ามีเพียงอาคารหลังเดียว โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมจีนตกแต่งด้วยลวดลายสีสันสวยงาม เป็นที่ประดิษฐาน เทพเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ หรือ เทพเจ้าหางมังกร และภรรยาเป็นประธาน ฝั่งช้ายมือตั้งแท่นบูชา เทพเจ้ากวนอู และฝั่งขวามือเป็นแท่นบูชา พระแม่สวรรค์ นอกจากนี้ยังมีระฆังโบราณที่สร้างมาแต่รัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวง แห่งราชวงศ์ชิง ตลอดไปจนถึงโบราณวัตถุสำคัญต่างๆ ที่เก็บรักษาภายในศาลเจ้าแห่งนี้ บ่งบอกได้ถึงความเก่าแก่และสำคัญของศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะได้เป็นอย่างดีค่ะ

    ที่อยู่ : เยาวราช ซอย 6 หรือ ตรอกอิสรภาพ แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 07.00-17.00 น.


4. ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

     ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในย่านเยาวราช เนื่องจากเป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2452-2461 เพื่ออุทิศให้แก่ หลวงปู่ไต้ฮงกง พระภิกษุชาวจีนที่ช่วยเหลือสังคม ประชาชนที่เจ็บป่วย อีกทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มการบำเพ็ญกุศล ในการจัดฌาปนกิจศพไร้ญาติสมัยราชวงศ์ซ้อง ผู้คนจึงมักจะไปทำบุญ และกราบไหว้ขอพรในเรื่องสุขภาพ หน้าที่การงาน และโชคลาภค่ะ

    ที่อยู่ : 326 ถนนเจ้าคำรพ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-19.00 น.


5. วัดบําเพ็ญจีนพรต หรือ วัดย่งฮกยี่

     วัดบำเพ็ญจีนพรต หรือ วัดย่งฮกยี่ เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก เดิมเป็นวิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ชื่อ ย่งฮกอำ ซึ่งสร้างโดยชาวจีนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2338 ภายหลังได้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลายาวนั้นจนกระทั่งมีการปฏิสังขรณ์ราวก่อนปี พ.ศ. 2414 โดย พระอาจารย์สกเห็งจาริก ที่มาจากประเทศจีน จนกระทั่งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ก็ได้พระราชทานนามวัดว่า "วัดบำเพ็ญจีนพรต” ค่ะ

    ที่อยู่ : ถนนโยธา 1 แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 07.00-17.00 น.


6. วัดทิพยวารีวิหาร หรือ วัดกัมโล่วยี่

      วัดทิพยวารีวิหาร หรือ วัดกัมโล่วยี่ อีกหนึ่งวัดจีนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2319 ก่อนจะถูกทิ้งร้างในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2439 พระอาจารย์ไหซัน พระภิกษุจีนชาวมณฑลหูหนาน ได้มาจำพรรษาที่ วัดทิพยวารีวิหาร จึงได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ให้สวยงาม ชื่อวัดกัมโล่วยี่นั้น มาจากคำว่า "กัมโล่ว" ซึ่งแปลว่า "น้ำทิพย์" เพราะภายในวัดจะมี บ่อน้ำมนต์โบราณที่น้ำไม่เคยเหือดแห้ง ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า "บ่อน้ำทิพย์" ค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น หมออูโต๋ว เทพปรองดอง หรือ เทพแห่งความรัก เทพขุนพลเอี่ยยิ่ม พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หลวงจีนคณาณัติจีนพรต (เย็นบุญ) อดีตเจ้าอาวาส และ เทพมังกรเขียว หรือ แชเล่งเอี๊ย เทพารักษ์ผู้รักษาบ่อน้ำทิพย์ค่ะ

    ที่อยู่ : 119 ซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.00 น.



7. วัดโพธิ์แมนคุณาราม หรือ วัดโพวมึ้งป่ออึงยี่

     วัดโพธิ์แมนคุณาราม หรือ วัดโพวมึ้งป่ออึงยี่ เป็นวัดพุทธฝ่ายมหายาน ศูนย์กลางของคณะสงฆ์จีนนิกายของไทยที่สืบทอดหลักธรรมคำสอนต่างๆ มาจากนิกายเซน และเป็นศูนย์กลางหลักธรรมคำสอนของนิกายวินัย และนิกายมนตรายานของ วัชรยาน ทิเบต สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยผสมผสานสถาปัตยกรรมแบบไทย จีน และ ทิเบต เข้าด้วยกัน และมีไฮไลท์เป็น หอพระไตรปิฏก ฉบับมหายาน ที่เก็บรักษาพระไตรปิฏกของมหายาน หินยาน และวัชรยาน (ทิเบต) นิกายมนตรยาน โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยในนี้ รวมถึง พระไตรปิฏกฉบับจักรพรรดิเหลียงบู้ตี้ ที่เก็บรักษาเอาไว้เพียง 3 ที่บนโลกเท่านั้นค่ะ นับเป็นหอพระไตรปิฎกที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของโลกเลย

    ที่อยู่ : 323 ซอยสาธุประดิษฐ์19 (นราธิวาสฯ 24) ถนนสาธุประดิษฐ์ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 07.00-19.00 น.


8. วัดโฝวกวงซัน

      ชมสถาปัตยกรรมสุดอลังการของ วัดโฝวกวงซัน หรือ สถาบันพุทธศาสนา เถรวาท-มหายาน ไท่ฮวาซื่อ วัดสาขาจากไต้หวัน ที่เป็นทั้งสถานที่ปฏิบัติธรรม และแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนาที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มากมายอย่าง รูปหล่อพระพุทธเจ้า และ พระแม่กวนอิมองค์ใหญ่ รวมถึงสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น พระอุโบสถ วิหารพระอวโลกิเตศวร เจดีย์พุทธรังษี ห้องวิปัสสนา หอฉัน ห้องเรียนพุทธศาสนา ห้องประชุม เป็นต้น

      ด้วยสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่และงดงาม ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ผู้คนมักจะมาชมความสวยงาม รวมถึงถ่ายรูปสวยๆ เป็นที่ระลึก

    ที่อยู่ : 55 ถนนคู้บอน แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 09.00-17.00 น.
    โทร : 0-2645-0598


9. วัดจีจินเกาะ

      วัดจีจินเกาะ วัดสวยที่สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนอันงดงาม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดดเด่นด้วย พระมหาธาตุเจดีย์พระจอมชาตรีไทยจีนเฉลิม พระมหาเจดีย์แบบจีน 8 ชั้น ที่สร้างขึ้นในวาระครบรอบ 50 ปี แห่งการก่อตั้งสมาคม นอกจากจะเป็นที่นิยมของชาวไทยแล้ว ยังเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติด้วยเช่นกันค่ะ

    ที่อยู่ : 247/1 ถนนเชียงใหม่ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพฯ
    เปิดให้เข้าชม : 09.00-17.00 น.
    โทร : 0-2863-3275


9
motor show: เปิดตัว Zeekr 7X เอสยูวีไฟฟ้าสุดล้ำในจีน วิ่งไกลสุด 780 กม./ชาร์จ

Zeekr 7X เอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลาง เปิดตัวแล้วที่งาน Chengdu Auto Show ในวันที่ 30 สิงหาคม พร้อมจำหน่ายแล้วในประเทศจีน เริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน และเริ่มจำหน่ายไปยังประเทศอื่น ๆ ภายในหนึ่งปีหลังจากนี้
 

Zeekr 7X ถือว่าเป็นเอสยูวีไฟฟ้าขนาดกลางรุ่นแรกของค่าย โดยมีมิติตัวถัง ดังนี้
ความยาว 4,825 มม.
ความกว้าง 1,930 มม.
ความสูง 1,666 มม.
ระยะฐานล้อ 2,925 มม.
 
ถือว่า 7X มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เนื่องจากในภาพรวมของรถมีมิติที่เหนือกว่า Honda CR-V ไปอีกหนึ่งเซกเมนต์ รวมถึงใหญ่กว่า XPeng G6 ที่เพิ่งตัวในบ้านเราไปอีกด้วย
 
 
แพลตฟอร์มจาก Geely คงภาษาการออกแบบของ Zeekr
 
รถคันนี้อยู่ภายใต้แพลตฟอร์ม Sustainable Experience Architecture (SEA) ของ Geely โดยมีน้ำหนักรถ (curb weight) อยู่ที่ 2,298 - 2,475 กก. ขึ้นกับรุ่นย่อย ซึ่งค่อนข้างหนักเลยทีเดียว
 
7X ยังคงใช้ภาษาการออกแบบ Hidden Energy design ของ Zeekr ดีไซน์ด้านหน้าประกอบด้วย หน้าจอ LCD Zeekr Stargate interactive display ซึ่งสามารถส่งข้อความและรูปภาพไปยังผู้คนนอกรถได้
 

 
ส่วนดีไซน์ด้านท้าย เราจะเห็นไฟท้ายแบบเส้นเดียวตลอดความกว้างรถ สำหรับสีภายนอกของรถมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาว Arctic White, สีน้ำตาล Dawn Brown, สีเทา Nightfall Gray, และสีดำ Polar Night Black ส่วนล้อจะมีให้เลือกตั้งแต่ 19 และ 20 นิ้ว ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
 
 
ภายในกว้างขวาง ล้ำสมัย มากประโยชน์ใช้สอย
 
สำหรับภายในของ Zeekr 7X ออกแบบไว้สำหรับครอบครัว สามารถโดยสารได้ 5 ที่นั่ง มาพร้อมที่เก็บของกว่า 32 จุด เก็บได้ตั้งแต่แว่นกันแดดยันลิปสติก ท้ายรถมีความจุสัมภาระที่ 616 ลิตรก่อนพับเบาะ ซึ่ง Zeekr ระบุว่าเพียงพอสำหรับการแคมป์ปิ้งอย่างแน่นอน
 
ดีไซน์ภายในของ Zeekr 7X จะยังประกอบด้วย 2 จอเหมือนรุ่นอื่น ๆ ได้แก่ หน้าจอกลางขนาดใหญ่แบบ Floating Screen และมาตรวัดดิจิทัล LCD ด้านหลังพวงมาลัยที่ติดตั้งเข้าไปในแดชบอร์ด โดยระบบ infotainment ของรถทำงานผ่านชิป Qualcomm Snapdragon 8295
 
 
7X มาพร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้านตัดบนตัดท้าย บนพวงมาลัยมีทั้งปุ่มเลื่อนและปุ่มกด การเปลี่ยนเกียร์ย้ายจากคอนโซลกลางมาที่หลังพวงมาลัยแล้ว
 
สำหรับที่นั่งแถวหลังมีความกว้างขวาง มีถาดวางของจากเบาะแถวหน้าที่คล้ายกับบนเครื่องบิน ในรุ่นท็อปจะมาพร้อมจอระบบความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รวมถึงระบบอุ่น/ระบายอากาศ ของเบาะที่สามารถควบคุมผ่านจอสัมผัสที่พนักวางแขนด้านหลังได้เลย พร้อมทั้งมีหลังคาพานอรามิคซันรูฟที่มีระบบม่านไฟฟ้ามาให้ด้วย
 

ขุมพลังแรงเหลือเฟือ โครงสร้างไฟฟ้า 800V ทำ 0-100 ภายใน 3.8 วิ
 
ขุมพลังของ Zeekr 7X มีให้เลือกทั้งมอเตอร์เดี่ยว และมอเตอร์คู่ ประกอบด้วยมอเตอร์ซิลิกอนคาร์ไบด์ขนาด 415 แรงม้า (310 kW) ที่ล้อหลัง และมีมอเตอร์ขนาด 221 แรงม้า (165 kW) ที่ด้านหน้าพิ่มขึ้นมาในรุ่นมอเตอร์คู่ ส่งผลให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 3.8 วินาที
 
7X ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมโครงสร้างไฟฟ้าสถาปัตยกรรม 800V โดยมีความจุแบตเตอรี่ให้เลือก 2 ความจุ ได้แก่
แบตเตอรี่ลิเธียมฟอสเฟต ความจุ 75 kWh แบบ Golden Brick พัฒนาโดย Zeekr เอง ผลิตโดย VREMT บริษัทย่อยของ Geely มี สามารถชาร์จแบตฯ จาก 10-80% ได้ภายใน 10.5 นาที โดยซีคเกอร์เคลมว่าเป็นสถิติที่เร็วที่สุดในโลก และรองรับการชาร์จ 5.5C charging ให้ระยะทางขับขี่ 605 กม./ชาร์จ (CLTC)   
แบตเตอรี่ NMC ความจุ 100 kWh จะใช้แบตเตอรี่ Qilin จาก CATL รองรับชาร์จเร็ว 5C charging ให้ระยะทางขับขี่ 780 กม./ชาร์จ (CLTC)
 
โดยแบตเตอรี่ทั้งสองแบบนี้เคยนำเสนอเป็นตัวเลือกสำหรับ Zeekr 007 โมเดลปี 2025 ไปแล้วเมื่อไม่นานมานี้
 
ระบบความปลอดภัย Zeekr 7X
 
สำหรับระบบความปลอดภัยของ Zeekr 7X มาพร้อมเซนเซอร์รอบคัน ประกอบด้วย LiDAR ประมวลผลด้วยชิป Nvidia Orin X 2 ตัว ที่ให้พลังการประมวลผลที่ 508 TOPS คาดว่ามาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ Haohan intelligent driving 2.0 ซึ่งใช้ใน Zeekr 001 และ 007 อีกด้วย
 
Zeekr 7X พร้อมส่งมอบภายในเดือนหน้าสำหรับตลาดประเทศจีน ส่วนประเทศอื่น ๆ ต้องรอกันไปก่อน แต่ไม่น่าเกินหนึ่งปีหลังจากนี้แน่นอน

10
พฤติกรรมที่ทำให้เด็กเกิดฟันผุ จนอาจต้องเข้ารับการจัดฟันเด็ก

สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก เป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ตั้งแต่ลูกยังเป็นทารก เพราะการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันจะทำให้เด็กมีสุขภาพฟันที่ดี มีฟันที่แข็งแรงไม่เกิดฟันผุ เพราะขณะที่เด็กมีฟันน้ำนม ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายและเด็กในวัยนี้ยังมีพฤติกรรมที่ชอบรับประทานอาหารจุกจิกหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน ลูกอม รวมไปถึงน้ำอัดลม ซึ่งอาหารเหล่านี้ถือว่าเป็นศัตรูกับฟันของเราเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ดูแลในเรื่องของโภชนาการของเด็ก ก็อาจจะทำให้เด็กเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันตามมาได้ และเด็กที่อยู่ในช่วงของฟันน้ำนมนั้น พ่อแม่อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะฟันน้ำนมของเด็ก ถ้าหากว่าหลุดก่อนเวลาอันควรอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อการขึ้นของฟันแท้ในอนาคตได้ อาจจะทำให้เด็กมีฟันแท้หายนั่นก็คือ ฟันไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อดึงฟันที่หายให้ออกมา


ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟันในเด็ก ทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดและติดตั้งเครื่องมือจัดฟันเพื่อให้ฟันที่ฝังอยู่เคลื่อนตัวออกมา ซึ่งก็ใช้ระยะเวลานานพอสมควร ดังนั้น ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองไม่อยากให้เด็กมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ควรพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละสองครั้ง เพื่อทำการตรวจช่องปากและฟันว่ามีปัญหาด้านใดบ้าง เพื่อที่จะได้รีบแก้ไขได้ทันเวลา แต่อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะสังเกตพฤติกรรมของเด็กที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับช่องปากและฟันด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมา และในวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เด็กเกิดฝันผุ ซึ่งถือว่าในส่วนนี้พ่อแม่ผู้ปกครองจะมีบทบาทสำคัญในการดูแลมากกว่าทันตแพทย์ ควรที่จะสังเกตอาการเพื่อไม่ให้เด็กเกิดฟันผุจนถึงขั้นสูญเสียฟันและอาจจะต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก


ก่อนอื่นเราจะต้องบอกกก่อนว่า การเกิดฟันผุในเด็กนั้น ถือว่ามีผลกระทบของโรคฟันผุในเด็กมีผลต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพช่องปากในอนาคตได้ การมีฟันน้ำนมผุ เด็กจะปวดฟัน เคี้ยวอาหารไม่ได้ ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโต อีกทั้งอาการปวดฟันยังส่งผลต่อการนอนหลับและการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้ล้วนกระทบต่อคุณภาพชีวิตของเด็กตัวเล็กๆ สามารถขัดขวางพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และสติปัญญาได้นั่นเอง สำหรับพฤติกรรมหรือปัจจัยที่ทำให้เด็กเกิดฟันผุ อย่างแรกเลยยคือ อาหารที่เด็กรับประทานเข้าไป ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาลอยู่แทบทุกอย่าง ตั้งแต่นม ขนมอบกรอบ ขนมหวาน น้ำอัดลม ซึ่งแป้งและน้ำตาลเหล่านี้จะเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรียที่พร้อมจะทำปฏิกิริยากับน้ำตาลเหล่านี้ให้เป็นกรดที่พร้อมจะทำลายผิวฟันไปทีละนิดจนลุกลามไปเรื่อยๆ   


หากไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหาร และเด็กก็ไม่ได้รับการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันได้ดีเท่าที่ควร รวมไปถึงพฤติกรรมในวัยเด็ก เช่น การที่เด็กนอนหลับคาขวดนม ทำให้น้ำตาลที่อยู่ในนม สามารถเข้าไปทำลายเคลือบฟันของเด็กได้ เพราะคราบจุลินทรีย์จะย่อยน้ำตาลในนมที่ค้างอยู่บนผิวฟัน ทำให้เกิดการสะสมของกรด ละลายผิวฟันเป็นรู

นอกจากนี้ การรับประทานขนมตามใจชอบ แล้วไม่ยอมแปรงฟันนั่นเอง ถือเป้นต้นเหตุของการเกิดฟันผุเลย เพราะฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะทำก็คือ ควรฝึกให้เด็กทารกเข้านอนโดยไม่มีนิสัยติดขวดนม ดูแลเรื่องของการรับประทานอาหาร งดขนม อาหารรสหวาน ควรเลือกอาหารว่างที่มีประโยชน์ ให้เด็กบ้วนปากหลังดื่มนม รับประทานขนม หรือหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง ที่สำคัญควรให้เด็กแปรงฟันให้ลูกด้วยยาสีฟันที่ผสมฟลูออไรด์ วันละ 2 ครั้ง และพาเด็กไปพบทันตแพทย์ ตรวจฟันเป็นประจำ เพื่อจะได้รับความรู้และแนวทางปฏิบัติในการดูแลสุขภาพในช่องปากอย่างถูกต้อง


หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตหลานของท่านเข้ารับการตรวจฟัน หรือเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแทพย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก รวมไปถึงมีประสบการณ์ยาวนานด้านการจัดฟัน จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดฟันผุตั้งแต่อายุยังน้อย ลดปัญหาการเกิดความผิดปกติของช่องปากและฟัน เพื่อให้เด็กได้สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่

11
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไวรัสตับอักเสบบี รู้ก่อนเสี่ยง ตาเหลือง ท้องมาน แก้ไขทัน ห่างไกลตับแข็ง

โรคติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มีความสำคัญมาก เนื่องจากทำให้เกิดการอักเสบของตับและทำให้ตับถูกทำลาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และมะเร็งตับได้ จากหลักฐานการศึกษาในปัจจุบันบ่งชี้ว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดในการเกิดมะเร็งตับ ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทย
อยากให้คุณ อ่านเรื่องราวต่อไปนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าโรคไวรัสตับอักเสบบี ฟื้นฟูได้อย่างไร

คุณรัตนา ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เฮโปรวิท เพื่อฟื้นฟูตับจากอาการไวรัสตับอักเสบบี ค่าตับสูง 293 และค่าบิลิรูบินหรือค่าตัวเหลืองอยู่ที่ 8 เธอเล่าอาการให้ฟังเพิ่มเติมว่า มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยกว่าปกติ และเจ็บปวดบริเวณใต้ชายโครงด้านขวามาก รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจเข้าออก ได้อย่างลำบาก เพราะจะรู้สึกเจ็บปวดมาก อีกทั้งตาเหลืองตัวเหลืองชัดเจน หลังจากใช้เฮโปรวิท รู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้น ไม่อ่อนเพลีย อาการเจ็บใต้ชายโครงขวาลดลงชัดเจน ตาเหลือง ตัวเหลือง หายไป และเมื่อตรวจวัดค่าตับอีกครั้ง ผลออกมาเป็นปกติ โดยลดลงเหลือ 23 และ ค่าตัวเหลืองลดลงเหลือ 0.3  เฮโปรวิท ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการฟื้นฟูตับให้กับคุณรัตนา “

ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี (Hepatitis B A C D virus)

ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี (Hepatitis B A C D virus) เป็นโรคที่ จัดเป็นโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง แม้อาการของโรคจะไม่รุนแรง แต่เป็นสาเหตุ ให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรังซึ่งอาจก่อให้เกิดมะเร็งตับตามมา การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ประเทศไทยเองเป็นประเทศที่มีโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบีชุกชุมมาก ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีผู้ที่เป็นพาหะ หรือผู้ที่มีเชื้อไวรัสบีอยู่ในกระแส เลือดถึงร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมดหรือประมาณ 9 ล้านคน ขณะที่ ทั่วโลกมีการประมาณการกันว่ามีผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมาก กว่า 350 ล้านคน และร้อยละ 75 เป็นคนเอเชียไวรัสตับอักเสบบีทำให้เกิดการอักเสบของตับและทำให้ตับถูกทำลาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และ มะเร็งตับ ได้ ถึงเวลาที่คุณต้องจัดการไวรัสตับอักเสบบีอย่างจริงจังก่อนที่จะลุกลามสู่ ตับแข็ง และต่อเนื่องเป็น มะเร็งตับ ได้ในที่สุด   มาดูว่าไวสัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง มีอาการอย่างไร และวิธีการแก้โรคไวรัสตับอักสบบี เอ ซี ดี ให้หายทำได้อย่างไร

คำถามที่เชื่อว่าผู้ป่วย ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี ต้องอยากรู้

    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดีเกิดจากสาเหตุอะไร
    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี อาการ
    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดีแก้ได้อย่างไร
    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ดี ซีแก้หายได้ ด้วยเฮโปรวิท และแดนดิไลออน (Dandelion Root) ได้อย่างไร
    ไวรัสตับอักเสบบี เอ ดี ซี การฟื้นฟูโรคที่ดีที่สุด ทำไมต้องเป็นเฮโปรวิท แตกต่างกับสารสกัดทั่วไปอย่างไร
    ผลลัพธ์จากผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เฮโปวิทเพื่อฟื้นฟูตับ

ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดีเกิดจากสาเหตุอะไร
ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี สามารถติดต่อทางเลือด น้ำเชื้อ และน้ำหลั่งอย่างอื่น เช่น น้ำเหลือง โดยสามารถรับเชื้อได้โดยวิธีดังต่อไปนี้

    การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
    การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
    การใช้เข็มสักตามตัวหรือสีที่ใช้สักตามตัวร่วมกัน และการเจาะหู
    การใช้แปรงสีฟัน มีดโกน ที่ตัดเล็บร่วมกัน
    การติดเชื้อขณะคลอดจากแม่ที่มีเชื้อ (ถ้าแม่มีเชื้อลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
    การถูกเข็มตำจากการทำงาน
    การสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล

ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี จะไม่ติดต่อกันทางลมหายใจ อาหารหรือน้ำดื่ม การให้นม และการจูบกัน (ถ้าปากไม่มีแผล)
ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี (อาการ)

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี แบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ

    ระยะเฉียบพลัน

    ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือนหลังติดเชื้อ ดังนี้

    อาการเริ่มต้น ที่ไม่บ่งชี้ว่าเป็นโรคตับ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผื่น ปวดข้อ
    อาการที่บ่งชี้ชัดเจนว่าเป็นโรคตับ ตัวเหลืองตาเหลือง ปวดท้องใต้ชายโครงขวา ง่วมมากในเวลากลางวัน และตื่นในเวลากลางคืน

    ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง เกิดจากการที่ตับถูกทำลายเป็นจำนวนมาก ในกรณีนี้อาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้

2. ระยะเรื้อรัง

    ระยะเรื้อรังแบ่งผู้ป่วยได้เป็น 2 กลุ่มคือ

    พาหะ คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ผลการตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ ดังนั้นก่อนแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีก่อน
    ตับอักเสบเรื้อรัง คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ

    ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่มีอาการ บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือเบื่ออาหารได้
    การติดเชื้อแบบเรื้อรังพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด

   ไววรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี (การฟื้นฟู)
ในกรณีที่พบว่ามีเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี เอ ซี ดี การตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูภูมิต้านทานของ ผู้ป่วย ตรวจดูสารมะเร็ง ดูการทำงานของตับ ประกอบกับการตรวจ อัลตราซาวนด์เพื่อดูรูปร่าง และพื้นผิวของตับว่าได้รับความเสียหายมาก น้อยเพียงใด

การฟื้นฟูโรคไวรัสตับอักเสบบี  เอ ซี ดี นั้น เมื่อเริ่มเป็นแบบเฉียบพลัน อาการยังไม่รุนแรง สิ่งที่ผู้ป่วยต้องทำคือ พักผ่อนให้มาก ดูแล สุขภาพให้ดี ไม่นานก็หายเป็นปกติ แต่โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะทราบว่าตัวเองเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ ก็ต่อเมื่อเริ่มแสดงอาการผิดปกติ ซึ่งหมายความว่าเข้าสู่ระยะเรื้อรังแล้วนั้นเอง ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นแบบเรื้อรังแล้วนั้น จะต้องรับการตรวจละเอียดมากขึ้นเพื่อให้ทราบถึงการดำเนินของโรค และรายละเอียด ของการรับเชื้อ และขั้นตอนการแก้จะขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย บางรายที่มีเชื้อแต่ไม่ปรากฏอาการ ตับไม่ได้รับ ความเสียหาย ก็จะเพียงแต่เฝ้าดูอาการ แต่สำหรับผู้ป่วยไวรัสก่อให้เกิดความเสียหายกับตับแล้วไม่ว่าจะเป็นตับอักเสบ ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องบวม เจ็บชายโครงขวาเพราะตับบวม  จะต้องแก้ไปตามอาการ เพราะในปัจจุบันแพทย์ยังไม่มีการให้ยาแก้ปัญหาตับโดยตรงนั้นเอง


12
สุขภาพดี: เสริมวิตามินชะลอวัยสารสกัดนวัตกรรมใหม่เพื่อสุขภาพที่คุณควรรู้

การแก่ชราเป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่ทุกคนต้องเผชิญ แต่การแสวงหาวิธีชะลอการแก่ชราเป็นเป้าหมายที่นักวิทยาศาสตร์และผู้รักสุขภาพต่างให้ความสนใจ ความก้าวหน้าล่าสุดในด้านนี้คือการพัฒนาสารสกัดวิตามินเชิงนวัตกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมและชะลอกระบวนการแก่ชรา โดยผสมผสานวิทยาศาสตร์ขั้นสูงเข้ากับส่วนผสมจากธรรมชาติ

การเสริมวิตามินและสารอาหารต่างๆ เข้าไปในร่างกายเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมในการดูแลสุขภาพและชะลอความเสื่อมของร่างกาย


ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัยและวิตามิน

การแก่ชราเป็นลักษณะที่การทำงานของเซลล์ลดลงอย่างช้าๆ และมีความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังมากขึ้น วิตามินมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและบรรเทาผลกระทบของการแก่ชรา วิตามินที่จำเป็น เช่น วิตามินเอ ซี อี และวิตามินบีคอมเพล็กซ์ มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย อนุมูลอิสระเป็นโมเลกุลที่ไม่เสถียรซึ่งสามารถทำลายเซลล์ ทำให้เกิดการแก่ก่อนวัยและปัญหาสุขภาพต่างๆ


นวัตกรรมเบื้องหลังสารสกัดวิตามินชนิดใหม่

ความก้าวหน้าล่าสุดด้านเทคโนโลยีชีวภาพทำให้มีการผลิตสารสกัดวิตามินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สารสกัดเหล่านี้ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพทางชีวภาพมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าร่างกายสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้ง่ายขึ้น นวัตกรรมสำคัญๆ ได้แก่:

นาโนเทคโนโลยี : นักวิทยาศาสตร์สามารถเพิ่มอัตราการดูดซึมวิตามินได้อย่างมาก โดยการลดขนาดอนุภาคของวิตามินลงเหลือเพียงระดับนาโนเมตร เทคโนโลยีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าวิตามินจะถูกส่งไปยังเซลล์ที่ต้องการวิตามินมากที่สุดโดยตรง

การห่อหุ้มด้วยไลโปโซม : วิธีการนี้จะห่อวิตามินไว้ในฟองไขมันขนาดเล็ก เพื่อปกป้องวิตามินจากกรดย่อยในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้วิตามินถูกดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในลำไส้

สูตรเสริมฤทธิ์กัน : สารสกัดใหม่มักรวมวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งกันและกัน ตัวอย่างเช่น วิตามินซีสามารถเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ในขณะที่วิตามินดีช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม

ประโยชน์หลักของสารสกัดวิตามินที่เป็นนวัตกรรม
สุขภาพผิวที่ดีขึ้น : วิตามินเอและอีมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และปกป้องผิวจากความเสียหายจากรังสี UV

การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น : วิตามินซีและดีมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน สารสกัดที่ได้รับการปรับปรุงจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารในปริมาณที่เพียงพอเพื่อป้องกันการติดเชื้อและโรคต่างๆ

เพิ่มระดับพลังงาน : วิตามินบีมีความจำเป็นต่อการผลิตพลังงาน สูตรขั้นสูงสามารถช่วยต่อสู้กับความเหนื่อยล้าและปรับปรุงความมีชีวิตชีวาโดยรวม

การทำงานของสมองที่ดีขึ้น : วิตามินบางชนิด เช่น B12 และโฟเลต มีความสำคัญต่อสุขภาพสมอง การดูดซึมที่ดีขึ้นช่วยรักษาการทำงานของสมองและลดความเสี่ยงของโรคระบบประสาทเสื่อม

กระดูกและข้อต่อที่แข็งแรงขึ้น : วิตามินดีและเคมีความสำคัญต่อสุขภาพกระดูก สารสกัดวิตามินเสริมช่วยให้แคลเซียมถูกนำไปใช้ได้อย่างเหมาะสม ส่งเสริมให้กระดูกแข็งแรงขึ้นและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน

การเลือกวิตามินเสริมที่เหมาะสม
เมื่อเลือกผลิตภัณฑ์เสริมวิตามิน สิ่งสำคัญคือต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง มองหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุด เช่น นาโนเทคโนโลยีและการห่อหุ้มด้วยลิโพโซม เพื่อให้มั่นใจว่าจะดูดซึมได้ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด

การปรึกษาหารือกับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพก่อนเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดใหม่ใดๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีภาวะสุขภาพเดิมหรือผู้ที่ต้องรับประทานยารักษาอื่นๆ

สารสกัดวิตามินที่สร้างสรรค์ใหม่ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการชะลอวัย อาหารเสริมเหล่านี้มอบประโยชน์ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขั้นสูง ช่วยให้ผู้คนยังคงมีชีวิตชีวาและมีสุขภาพดีแม้เมื่ออายุมากขึ้น การลงทุนในอาหารเสริมวิตามินคุณภาพสูงอาจเป็นก้าวที่มีค่าในการมีชีวิตที่แข็งแรงและอ่อนเยาว์มากขึ้น

13
โปรแกรมหมอประจำบ้านอัจริยะ:ผมร่วงจากซิฟิลิส (ระยะที่ 2)

ผู้ที่เป็นโรคซิฟิลิส ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งอาจมีอาการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ อาการผมร่วงพบในระยะที่ 2 ของโรค (ดู "โรคซิฟิลิส" เพิ่มเติม)


สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อซิฟิลิสซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่


อาการ

อาการผมร่วง อาจเป็นอาการแสดงออกของผู้ป่วยซิฟิลิสในระยะที่ 2 ผู้ป่วยอาจมีอาการเป็นไข้หนาว ๆ ร้อน ๆ ปวดเมื่อยตามตัว หรือมีผื่นขึ้นทั่วตัวร่วมด้วย ส่วนอาการผมร่วง อาจร่วงเป็นกระจุก ๆ เวลาหวีผม และจำนวนที่ร่วงในแต่ละวันมากกว่าปกติ (ปกติไม่ควรร่วงเกินวันละ 100 เส้น) ลักษณะของหนังศีรษะบริเวณที่มีผมร่วง อาจดูคล้ายถูกแมลงแทะเป็นหย่อม ๆ แต่บางรายอาจมีผมร่วงทั่วศีรษะก็ได้ มักจะพบมีเส้นผมตกตามหมอนและที่นอน และถ้าใช้มือดึงเส้นผมเบา ๆ ก็จะมีเส้นผมหลุดติดมือมาง่ายกว่าปกติ

ผู้ป่วยมักมีประวัติเที่ยวผู้หญิง หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคนี้มาก่อน และก่อนหน้าที่จะมีอาการผมร่วงเพียงไม่กี่เดือนหรือไม่กี่สัปดาห์ อาจมีแผลขึ้นที่อวัยวะเพศ (ซิฟิลิสระยะแรก) แต่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง


ภาวะแทรกซ้อน

หากไม่รักษาก็จะเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคซิฟิลิสตามมา


การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการตรวจเลือดหาวีดีอาร์แอล (VDRL)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาแบบซิฟิลิสระยะที่ 2 โดยให้ยาปฏิชีวนะ (ดู "โรคซิฟิลิส" เพิ่มเติม)

ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องมักทำให้กลายเป็นซิฟิลิสระยะที่ 3 ซึ่งเป็นอันตรายได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัยควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นซิฟิลิส ควรรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์



14
อาหารสุขภาพแก้ท้องผูก เมนูง่าย ๆ สบายท้อง

อาหารแก้ท้องผูกเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลายคนสามารถทำได้เองที่บ้าน เป็นการดูแลรักษาอาการท้องผูกในเบื้องต้นด้วยการรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ทำงานดีขึ้น ซึ่งอาหารแก้ท้องผูกส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบที่หาได้ง่ายและมีราคาที่ไม่สูง โดยในบทความนี้ได้รวบรวมรายชื่ออาหารแก้ท้องผูกมาให้ได้ศึกษากัน

ท้องผูกเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน อาการท้องผูก ไม่ว่าจะเป็นการขับถ่ายไม่ออก ขับถ่ายลำบาก ปวดท้อง ใช้เวลาในการขับถ่ายนาน หรือรู้สึกเจ็บเนื่องจากลักษณะของอุจจาระที่แข็งหรือหนา ซึ่งนอกจากอาการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณของโรคหรือการละเลยการดูแลสุขภาพอีกด้วย


อาหารแก้ท้องผูก

อาหารที่อาจช่วยแก้ท้องผูกได้อาจมี ดังนี้

   
1. ผักและผลไม้
    การขาดไฟเบอร์หรือใยอาหารอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการท้องผูก อย่างที่ทราบกันดีว่าผักและผลไม้เป็นกลุ่มอาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์และสารอาหารที่มีประโยชน์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าภายในหนึ่งวันควรรับประทานผักหรือผลไม้อย่างน้อย 400 กรัมหรือเทียบเท่าไฟเบอร์ราว 20-35 กรัมอาจช่วยให้ลำไส้สามารถทำงานได้อย่างปกติ ซึ่งแอปเปิล มะนาว ส้ม กีวี่ ลูกฟิก ลูกแพร์ ลูกพรุน ผักปวยเล้ง ผักใบเขียวอื่น ๆ และพืชตระกูลถั่วเป็นผักผลไม้ที่เชื่อกันว่ามีไฟเบอร์สูงและมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการท้องผูก นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระจากพืชผักยังอาจช่วยบำรุงร่างกายในด้านอื่น ๆ อีกด้วย
   

2. น้ำเปล่า
    เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางอ้างอิงจากคำแนะนำของแพทย์ที่ว่า คนทั่วไปควรดื่มน้ำราว 8 แก้วต่อวันหรือราว 1.5-2 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยให้การระบบทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างปกติ ซึ่งรวมถึงการทำงานของลำไส้และระบบขับถ่าย โดยของเหลวจะช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวลงและสามารถขับออกได้ง่ายขึ้น
   

3. ป๊อปคอร์น
    ป๊อปคอร์นนั้นไม่ได้เป็นเพียงของว่างที่อร่อยและเป็นของโปรดของใครหลายคนเท่านั้น แต่ป๊อปคอร์นยังอาจช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้อีกด้วย เนื่องจากป๊อปคอร์เป็นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง โดยการเลือกรับประทานป๊อปคอร์นที่ปรุงด้วยวิธี Air-popped หรือการปรุงโดยไม่ใช้น้ำมันในปริมาณ 3 ถ้วย ร่างกายอาจได้รับไฟเบอร์ประมาณ 3.5 กรัมและได้รับพลังงานไม่เกิน 100 กิโลแคลอรี
   

4. โพรไบโอติก
    โพรไบโอติกเป็นเชื้อแบคทีเรียมีประโยชน์ที่อาศัยอยู่ภายในลำไส้ของมนุษย์ ช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย รวมถึงสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วย แลคโตบาซิลัสเป็นหนึ่งในเชื้อโพรไอโอติกที่หลายคนอาจเคยได้ยิน เชื้อเหล่านี้มักพบในอาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยวเคเฟอร์ (Kefir) กิมจิ มิโซะ ชาหมัก และแตงกวาดอง เป็นต้น
   

5. โฮลเกรน (Wholegrain)
    โฮลเกรน คือ ธัญพืชที่ผ่านการขัดสีน้อยทำให้คงคุณค่าทางอาหารสูงกว่าธัญพืชที่ขัดสีแล้ว ซึ่งรวมถึงไฟเบอร์ด้วย หากในวันที่ท้องผูกและต้องการพลังงาน ลองเปลี่ยนมารับประทานผลิตภัณฑ์หรืออาหารที่ทำมาจากโฮลเกรนแทนธัญพืชขัดสี อย่างขนมปังโฮลเกรน พาสต้า หรือซีเรียลจากธัญพืชขัดสีน้อย เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากธัญพืชขัดสีอาจส่งผลให้อาการท้องผูกรุนแรงขึ้นได้
   

6. ชาสมุนไพร
    ชาสมุนไพรมีสรรพคุณเป็นยาระบาย ออกฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ สรรพคุณของชาสมุนไพรอาจแตกต่างกันไปตามชนิดของสมุนไพรในชานั้น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อกันว่าชาดำ ชาเขียว มะขามแขก ชุมเห็ดเทศ แดนดิไลออน (Dandelion) เปลือกกาแฟ (Cascara) สะระแหน่ เป็นสมุนไพรที่สามารถแก้อาการท้องผูกได้


อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่เหมาะสม หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษาด้วยอาหารแก้ท้องผูก หากรักษาด้วยวิธีเหล่านี้แล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการท้องผูกเรื้อรังควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้ลำไส้และระบบอื่น ๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่ายให้เป็นเวลา ซึ่งเวลาที่แพทย์แนะนำคือ 5-30 นาทีหลังจากตื่นนอน




15
รถยนต์ใหม่ 2024: เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz EQ EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic ปี 2024
5,990,000 บาท 

เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz EQ EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic ปี 2024
Mercedes-Benz EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic เอสยูวีไฟฟ้าระดับ Top-End Luxury รองรับการโดยสารสูงสุด 7 ที่นั่ง ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ All-wheel drive ให้กำลังสูงสุด 360 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.1 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 118 kWh
ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 658 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง โดยรองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC charge) สูงถึง 200 kWh ใช้เวลาชาร์จเพียง 31 นาทีจาก 10-80% ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา
12 ชั่วโมง 15 นาที

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์            Mercedes-benz
   รุ่น                   เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-benz EQ EQS 450 4MATIC SUV AMG Dynamic ปี 2024
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา                5,990,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (บันไดข้างสเตนเลสดีไซน์สปอร์ต, ตกแต่งรอบคันแบบ AMG Line, กระจังหน้าแบบ Mercedes-Benz pattern พร้อมตราสัญลักษณ์ เมอร์เซเดส-เบนซ์, กาบบันไดเรืองแสงพร้อมสัญลักษณ์ Mercedes–Benz)
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ((AIRMATIC)
ไฟหน้า (DIGITAL LIGHT, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ, ระบบปิดประตูแบบ Power closing)
อุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ (ระบบควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลัง 4.5 องศา)
ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต (แบบ adaptive damping system)
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ (เลื่อนเปิด–ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า)
ขนาดยางหน้า-หลัง (หน้า 275/40 R 22,หลัง 275/40 R 22)
ยางอะไหล่สำรอง (เป็น ชุดอุปกรณ์ปะยางฉุกเฉินแบบ TIREFIT)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (รแบบ AMG Line interior,centre console แบบ Anthracite open–pored linestructure lime wood)
พวงมาลัยหุ้มหนัง (Nappa แบบสปอร์ต พร้อม ฟังก์ชันอุ่นพวงมาลัย)
กระจกมองหลังตัดแสง (อัตโนมัติ)
พรมปูพื้น (AMG)
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (DYNAMIC SELECT)
อุปกรณ์วัดความเร็วสะท้อนกระจก Head Up Display

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังสูงสุด 360 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร, อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 6.1 วินาที, ความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง, รองรับการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง (DC charge) สูงถึง 200 kWh ใช้เวลาชาร์จเพียง 31 นาทีจาก 10-80% ส่วนการชาร์จแบบกระแสสลับ (AC Charge) รองรับสูงสุด 11 kWh ใช้เวลาชาร์จจาก 0 – 100% ในระยะเวลา 12 ชั่วโมง 15 นาที

   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)       แรงม้า
   ระบบเกียร์                      เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS
   ชนิดแบตเตอรี่                ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่                118 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง  658 กิโลเมตร (WLTP)
   น้ำหนักตัวรถ                      -
   ประเภทยางรถยนต์             พร้อมโฟมช่วยลดเสียงรบกวน
   ขนาดล้อ (นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                 ขับเคลื่อนสี่ล้อ (All-wheel drive)

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (,ระบบช่วยการทรงตัวและดึงรถกลับเข้าช่องจราจร ขณะหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางฉุกเฉิน)
กุญแจรีโมท (แบบ KEYLESS–GO comfort package)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (,ระบบบป้องกันก่อนเกิดเหตุสำหรับด้านข้าง)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทางจราจร,ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย,ระบบสร้างเสียงจําลอง สําหรับเตือนผู้ใช้ถนน, ไฟเบรกกะพร€บฉุกเฉิน)
เข็มขัดนิรภัย
อื่นๆ (การแสดงผลแบบ Transparent bonnet สําหรับการขับขี่แบบ OFF – ROAD, ระบบจดจําโปรไฟล์ผู้ขับขี่ด้วยการสแกนลายนิวมือ)
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (, ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill–Start Assist)
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW)
เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor - IAVM)
เสียงเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย (บนหน้าจอ สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง

หน้า: [1] 2 3 ... 10





















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า