Doctor At Home: โรคหัด (Measles) โรคหัด (Measles) เป็นโรคติดเชื้อเฉียบพลันที่เกิดจากเชื้อไวรัส และเป็นโรคติดต่อที่ติดต่อกันได้ง่ายมากผ่านทางระบบทางเดินหายใจ มักพบในเด็กเล็กและเป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงแก่ชีวิตได้
สาเหตุและการติดต่อ
• สาเหตุ: เกิดจากเชื้อ ไวรัสโรคหัด (Measles Virus หรือ Rubeola Virus) ซึ่งเป็นไวรัสในกลุ่ม Morbillivirus
• การติดต่อ: ติดต่อได้ง่ายมากผ่าน ละอองฝอย จากการไอ จาม หรือการหายใจ เชื้อไวรัสสามารถอยู่ในอากาศหรือบนพื้นผิวได้นานถึง 2 ชั่วโมง
• ระยะแพร่เชื้อ: ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 4 วันก่อนผื่นขึ้น ไปจนถึง 4 วันหลังผื่นเริ่มขึ้น
อาการที่สำคัญ
โรคหัดมีระยะฟักตัวประมาณ 10-14 วัน ก่อนจะแสดงอาการเป็น 3 ระยะหลัก:
1. ระยะก่อนออกผื่น (Prodrome Phase): ประมาณ 3-4 วัน
o ไข้สูง: ไข้จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว (อาจสูงถึง $38^{\circ}\text{C}$ - $40^{\circ}\text{C}$)
o อาการคล้ายหวัด: ไอแห้ง น้ำมูกไหลมาก
o ตาแดง: เยื่อบุตาอักเสบ น้ำตาไหล แพ้แสง
o จุดค็อปลิค (Koplik's Spots): เป็นจุดสีขาวเล็ก ๆ คล้ายเกลือบนพื้นสีแดง มักพบในกระพุ้งแก้ม (ตรงข้ามฟันกรามซี่ใน) ซึ่งเป็นอาการที่บ่งชี้ว่าเป็นโรคหัด
2. ระยะออกผื่น (Eruptive Phase): ประมาณ 3-5 วัน
o ผื่นจะเริ่มขึ้นประมาณ 3-5 วันหลังมีไข้ โดยเป็นผื่นนูนราบสีแดงหรือน้ำตาลแดง
o ผื่นจะขึ้นจากบริเวณ ไรผม หน้าผาก ใบหน้า และหลังหู ก่อนจะกระจายลงสู่ลำคอ ลำตัว แขน และขา
o ไข้จะยังคงสูงอยู่จนกระทั่งผื่นเต็มที่
3. ระยะฟื้นตัว (Recovery Phase):
o ผื่นจะเริ่มจางลงตามลำดับที่ขึ้นมา (จากศีรษะลงขา)
o บางครั้งผื่นอาจทิ้งรอยคล้ำหรือเป็นขุยได้
o อาการไข้จะลดลง และผู้ป่วยจะเริ่มอาการดีขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง
แม้ว่าอาการโดยทั่วไปจะหายได้เอง แต่โรคหัดอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง:
• ปอดบวม (Pneumonia): เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรคหัด
• หูชั้นกลางอักเสบ
• สมองอักเสบ (Encephalitis): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและอันตรายถึงชีวิต หรือทำให้พิการถาวรได้
• ท้องเสียและอาเจียน (อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ)
การรักษาและการป้องกัน
• การรักษา: ปัจจุบัน ยังไม่มียารักษาโรคหัดโดยเฉพาะ การรักษาจึงเน้นที่การ รักษาตามอาการ เช่น การเช็ดตัวลดไข้ การให้ยาลดไข้ และการพักผ่อนให้เพียงพอ
o ในบางกรณี แพทย์อาจให้ วิตามินเอ (Vitamin A) ในเด็กเพื่อลดความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อนทางตา
• การป้องกัน: วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการได้รับ วัคซีนรวมหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) ตามกำหนด:
o ฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 9-12 เดือน
o ฉีดกระตุ้นอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ปี